- Modified Perineal Urethrostomy คืออะไร
คือการผ่าตัด ขยายรูเปิดท่อปัสสาวะ ให้กว้างขึ้น โดยตัดท่อปัสสาวะส่วนแคบออก และเปิดออกในตำแหน่งที่กว้างกว่า
“ลดโอกาสอุดตันซ้ำในอนาคต”
น้องแมวชื่อทองเอก ได้รับการผ่าตัดขยายรูเปิดท่อปัสสาวะใหม่จากสาเหตุ ท่อปัสสาวะตีบไม่สามารถสวนท่อได้จากการเป็น FIC หลังผ่าตัดได้แอดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อทำแผล ฉีดยา และสังเกตการปัสสาวะ
ข้อบ่งชี้ (Indications) ที่ควรพิจารณาผ่าตัดเหมาะกับแมวที่มีปัญหาเหล่านี้
• ฉี่อุดตันซ้ำบ่อย แม้รักษาด้วยยาและสวนแล้ว
• นิ่วหรือคริสตัลในท่อปัสสาวะ ที่เอาออกยาก
• ท่อปัสสาวะตีบ แคบ หรือบาดเจ็บ จากการสวนหลายครั้ง
• FIC ที่อุดตันซ้ำรุนแรง จนเสี่ยงไตวาย
• มีพังผืด / แผลเป็นในท่อปัสสาวะ
การผ่าตัดนี้ ไม่ใช่การรักษา FIC ให้หายขาดแต่ช่วย “ลดการอุดตัน” ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต
การดูแลหลังผ่าตัดในช่วงแรก ทีมสัตวแพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด
• เฝ้าระวัง เลือดออก / บวม / ปวด
• ดูการฉี่ว่า ไหลดี ไม่อุดตัน
• ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ ตามแผน
• ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ
• ใส่ปลอกคอกันเลีย
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- โรคผิวหนังจากเชื้อรา (Dermatophytosis / กลากแมว)
น้องแมวมาด้วยอาการ ขนร่วงบริเวณหาง
ตรวจด้วย Wood’s lamp ให้ผลบวก (Positive)
เก็บตัวอย่างขนไปเพาะเชื้อ และนำโคโลนีที่ขึ้นมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ผลตรวจพบ Macroconidia
ยืนยันเชื้อ Microsporum canis
โรคกลากเป็นโรคผิวหนังจากเชื้อรา• พบได้บ่อยในแมว โดยเฉพาะลูกแมวหรือแมวภูมิคุ้มกันต่ำ
• ติดต่อสู่สัตว์ตัวอื่นและคนได้
• รักษาได้ แต่ต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง
การรักษาจำเป็นต้อง
ให้ยาฆ่าเชื้อราตามแผนสัตวแพทย์
รักษาความสะอาดสิ่งแวดล้อม
แยกสัตว์ป่วยเพื่อลดการแพร่กระจายหากพบว่าน้องมี ขนร่วง ผิวหนังเป็นวง ผิวแห้ง หรือคัน
อย่ารอให้ลุกลาม แนะนำพามาตรวจตั้งแต่ระยะแรกนะครับ

วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- คันได้ ก็ต้องหายได้ ไรขี้เรื้อน (Demodex)
ปรสิตผิวหนังที่เจอบ่อยในน้องหมาน้องแมวเลี้ยงนอกบ้าน
หลายครั้งเจ้าของสังเกตว่า “น้องขนร่วงเป็นวง ๆ” โดยเฉพาะ รอบตา ขอบปาก ขาหน้า พอซูมด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็เจอเจ้า Demodex sp. นอนแน่นเต็มรอยโรคเลย

อาการที่มักพบ• ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ
• ผิวหนังแดงเป็นจุด
• บางจุดผิวหนังหนา–คล้ำ
• คันบ้าง ไม่คันบ้าง ขึ้นอยู่กับว่ามีติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยหรือไม่
ข่าวดีคือรักษาหายได้ ถ้ามาตรวจเร็ว และรักษาต่อเนื่อง

ที่โรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย เราจะ
ขูดผิวหนังตรวจ
ดูกล้องให้เห็นตัวไรแบบชัด ๆ
วางแผนการรักษาทั้งการกินยา การอาบน้ำ การพ่นสเปรย์
นัด follow-up เพื่อตรวจว่าตัวไรลดลงจริงเพื่อให้ผิวน้องกลับมาใส ขนกลับมาฟูเหมือนเดิม
ถ้าเห็นว่าน้องมีขนร่วงผิดปกติ หรือคันจนอยู่ไม่นิ่ง
แวะมาตรวจได้เลยน้า


วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- “ตาถลน” ในสุนัขรักษาได้ ถ้าทันเวลา!
วันนี้คุณหมอขอเล่าเคสน้องจิ้งหรีดที่ถูกพามาด้วยอาการ ตาถลน (Proptosis) ภาวะนี้หลายคนคิดว่าเกิดเฉพาะอุบัติเหตุรุนแรง แต่จริง ๆ เกิดได้บ่อยในสุนัขหน้าแบน/ตาโปน เช่น ชิวาวา ปั๊ก ชิสุ ปอม ฯลฯ
เคสนี้เกิดอะไรขึ้น?น้องมีอาการ ตาถลนหลุดออกจากเบ้า ทำให้
• หนังตาปิดไม่ลง
• กระจกตาเสี่ยงเป็นแผล
• เส้นประสาทรอบตาโดนดึง
ถ้าปล่อยไว้นาน ตาจะ แห้ง เป็นแผลลึก และตาบอดถาวรได้
ทีมเราจึงทำการวางยาสลบ ดันตากลับ และเย็บหนังตา
Temporary tarsorrhaphy คือการเย็บหนังตาชั่วคราว เพื่อปิดตาป้องกันกระจกตา ลดการเสียดสี รอให้เนื้อเยื่อบวมลดลง หลัง 10 วันน้องกลับมาตัดไหม พบว่ากระจกตาปลอดภัย ไม่พบแผลลึก ดีขึ้นมาก 
ตาถลนเกิดจากอะไรได้บ้าง?สาเหตุที่พบบ่อย:
• อุบัติเหตุ (รถชน ตกจากที่สูง)
• สุนัขถูกกัด/ตบที่หน้า
• เจ้าของดึงสายจูงกระตุกแรงบริเวณคอ
• พันธุ์ตาโปน หนังตาสั้น → ตาหลุดง่าย
• โรคในตา เช่น เนื้องอกหลังเบ้าตา (พบได้น้อยกว่า)
การรักษามีอะไรบ้าง?ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บของเส้นประสาทและกระจกตา
1) เย็บหนังตาชั่วคราว (Temporary tarsorrhaphy)
ช่วยป้องกันกระจกตา ขณะรอให้เนื้อเยื่อกลับสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้น
2) ใช้ยาลดบวม ยาตา ยาปฏิชีวนะ
ลดอักเสบ ลดโอกาสติดเชื้อ
3) ประเมินการมองเห็น
ทดสอบรีเฟล็กซ์ตา ความรู้สึกที่กระจกตา การตอบสนองม่านตา
4) ในบางเคสที่เส้นประสาทเสียหายมาก
อาจต้องพิจารณา การผ่าตัดเอาตาออก (enucleation) — เพื่อความปลอดภัยและลดความเจ็บปวด (ใช้เฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น)
ป้องกันสุนัข “ตาถลน” ได้อย่างไร?• หลีกเลี่ยงการดึงสายจูงบริเวณคอ → แนะนำใช้สายรัดอกแทน
• ไม่ปล่อยเล่นรุนแรงกับสุนัขที่ตัวใหญ่กว่า
• ระวังตกจากโซฟา/เตียงในสุนัขตาโปน
• ตรวจตาเป็นประจำ โดยเฉพาะพันธุ์หน้าแบน
• เมื่อเห็นตาหลุดแม้เพียงเล็กน้อย ➜ รีบมาหาหมอทันที ไม่ล้างเอง ไม่ดันกลับเองเด็ดขาด
สรุปตาถลน = ภาวะฉุกเฉิน รักษาได้ ถ้ามาเร็วพอ และปลอดภัยกว่ามากหากได้รับการประเมินจากสัตวแพทย์ทันที
เคสนี้น้องปลอดภัย กระจกตาไม่เป็นแผลลึก และกลับมาลืมตาได้ดี ขอบคุณเจ้าของที่รีบพาน้องมารักษาครับ
ผ่าตัด: น.สพ.ธนา ศรีสองเมือง (หมอโน๊ต)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- วันนี้มีเคสให้น่าติดตามจากน้องคอปเปอร์ครับ
น้องเล่นสนุกเพลิน ๆ แล้ว เผลอกลืนตุ๊กตาทั้งตัว เข้าไป!
เจ้าของรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที ตรวจเอ็กซ์เรย์พบว่า ตุ๊กตายังติดอยู่ในกระเพาะอาหาร โชคดีที่มาเร็ว ทำให้เราสามารถ ฉีดยากระตุ้นให้น้องอาเจียนออกได้สำเร็จภายใน 10 นาที ตุ๊กตาถูกคายออกมาครบ ไม่มีชิ้นส่วนค้าง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องส่องกล้อง และน้องปลอดภัยแล้วครับ

ของเล่นติดในท้อง อาการที่เจ้าของต้องสังเกต– อาเจียน
– น้ำลายไหล
– เบื่ออาหาร
– มีท่าทีเจ็บท้อง
– ถ่ายไม่ออก หรือถ่ายมีเมือก
สิ่งเหล่านี้เกิดได้ตั้งแต่กินของเล่นผืนเล็ก ๆ ยันตุ๊กตาทั้งตัวแบบน้องคอปเปอร์
ถ้าเผลอกลืนของแปลก ๆห้ามรอให้ “ถ่ายออกเอง” เพราะอาจไปอุดตันลำไส้จนต้องผ่าตัด มาถึงเร็ว = โอกาสรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดสูงมาก
ป้องกันอย่างไรดี?– เลือกของเล่นที่ไม่มีชิ้นเล็ก ๆ ให้หลุด
– ตรวจเช็คตุ๊กตาที่เริ่มขาด
– เก็บของเล่นไว้เมื่อไม่มีใครดูแล
– สำหรับน้องพันธุ์ที่ชอบกัด เช่น ไซบีเรียน บีเกิ้ล โกลเด้น → เพิ่มการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
สุดท้ายนี้…ต้องขอบคุณเจ้าของที่พามาได้ทันเวลาน้องคอปเปอร์กลับบ้านได้แบบแฮปปี้ และตุ๊กตาคู่กรณีก็กลายเป็นของกลางเรียบร้อยครับ


รักษาและวินิจฉัย: น.สพ.ธนา ศรีสองเมือง (หมอโน๊ต)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- ลิงก็ทำวัคซีนได้
วันนี้น้องลิง macaque เข้ามาทำวัคซีนพิษสุนัขบ้าและตรวจสุขภาพประจำปี สัตว์ป่าก็ต้องได้รับการดูแลเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป วัคซีนและการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอช่วยป้องกันโรคติดต่อ รวมถึงเฝ้าระวังสุขภาพพื้นฐานของน้องได้ดีมากขึ้น
การพาลิงมาทำวัคซีนในโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไปเป็นเรื่องจำเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ โดยเฉพาะวัคซีนพิษสุนัขบ้า ซึ่งช่วยป้องกันโรคติดต่อสำคัญทั้งต่อคนและสัตว์ การตรวจสุขภาพเบื้องต้นจะดูน้ำหนัก สภาพร่างกาย ช่องปาก ผิวหนัง การหายใจ ระบบประสาท รวมถึงพยาธิภายนอก เพื่อคัดกรองโรคที่พบได้บ่อยในลิง และประเมินว่าน้องมีสุขภาพพร้อมรับวัคซีนหรือไม่
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- อาบน้ำหอมฟุ้ง ตัดขนทรงแกะนุ่มฟู~
น้องพร้อมโชว์ความน่ารักแบบเต็มคาร์ดี้

วันนี้ได้ฉีดวัคซีนเพิ่มเกราะป้องกันด้วยนะฮะ ทั้งหล่อ ทั้งหอม ทั้งแข็งแรง พร้อมเจอทุกคนแล้วค้าบ


เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- สุนัขพันธุ์หน้าสั้น สุขภาพที่ควรรู้และใส่ใจเป็นพิเศษ
สุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก บูลด็อก ชิสุ หรือปอมหน้าสั้น
มีเสน่ห์ก็จริง… แต่ก็เป็นกลุ่มที่ต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะโครงสร้างใบหน้าและทางเดินหายใจมีความ “ต่าง” จากสุนัขทั่วไป
ปัญหาที่พบบ่อย1. ปัญหาระบบหายใจ (BOAS)
• รูจมูกตีบ
• เพดานอ่อนยาว
• ถุงหน้ากล่องเสียงปลิ้น
• หลอดลมตีบ
พบได้บ่อยมาก ทำให้ “หายใจเสียงดัง เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง”
2. ปัญหาตา
• ภาวะตาโปน
• กระจกตาเป็นแผลง่าย
• ผิวกระจกตาอักเสบจากลม ฝุ่น ขนถูหน้า
3. ปัญหาผิวหนัง
• ผิวหนังอักเสบตามรอยพับ
• ติดเชื้อเรื้อรัง
• กลิ่นตัวแรงกว่าสุนัขทั่วไป
สิ่งที่เจ้าของควรสังเกตเป็นพิเศษ• หายใจเสียงดัง หรือหายใจลำบากตอนอากาศร้อน
• ไอ/สำลักบ่อย
• ตาแดง น้ำตาไหล หรือกระพริบตาถี่
• ผิวหนังบริเวณรอยพับแดง มีกลิ่น หรือมีคราบเปียก
การดูแลที่แนะนำ– ตรวจสุขภาพช่องจมูก–ทางเดินหายใจ
– ตรวจตาและผิวหนังสม่ำเสมอ
– ควบคุมน้ำหนัก (สำคัญมาก!)
– หลีกเลี่ยงอากาศร้อน ความเครียด และการออกกำลังกายหนัก
– พิจารณาผ่าตัดแก้ไข BOAS เมื่อมีข้อบ่งชี้
สุนัขหน้าสั้น = ต้องดูแลมากขึ้นการสังเกตอาการผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ครับ ที่โรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย เราดูแลเคสสุนัขพันธุ์หน้าสั้นพร้อมให้คำแนะนำครับ

เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- “ขี้เรื้อนแห้งในแมว” ไม่ใช่แค่ผิวลอก—แต่คือสัญญาณเตือน!
แมวที่เริ่มเป็นขี้เรื้อนแห้ง (Notoedric mange) มักมีอาการ คันมาก ขนร่วงเป็นหย่อม ผิวแห้งลอกเป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณ หัว ใบหู คอ และอาจลามลงตัวได้ถ้าไม่ได้รักษาเร็ว เจ้าเหมียวจะเกาแรงจนเป็นแผล และเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนอีกด้วย
การรักษา• ให้ยาฆ่าไรตามชนิดที่สัตวแพทย์เลือก เช่น ivermectin, selamectin, fluralaner ฯลฯ
• รักษาต่อเนื่องตามรอบ เพราะไรมีวงจรชีวิตเป็นสัปดาห์
• ถ้ามีแผลเกาจนถลอก อาจต้องเสริม ยาฆ่าเชื้อ ยาทา หรือยาแก้คัน
• ทำความสะอาดที่นอน แผ่นรอง กล่องทราย และของใช้ทุกอย่างเพื่อลดการปนเปื้อนซ้ำ
• หากมีหลายตัวในบ้าน อาจต้องรักษาทุกตัว เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจาย
การป้องกัน• หยอดเห็บหมัด/ไร สม่ำเสมอเดือนละครั้ง
• อาบน้ำและตรวจผิวหนังประจำ โดยเฉพาะแมวที่คันง่าย
• แยกแมวที่มีอาการคัน ขนร่วง เป็นขุย ออกจากตัวอื่นทันที
• ทำความสะอาดเบาะนอน ผ้าห่ม และพื้นที่อยู่เป็นประจำ
• หลีกเลี่ยงการให้แมวสัมผัสแมวเร่หรือแมวไม่รู้ประวัติ
ขี้เรื้อนแห้งรักษาหายได้ ถ้าเริ่มรักษาไว และป้องกันถูกวิธี เจ้าเหมียวก็กลับมานุ่มฟูเหมือนเดิมได้เลย


วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- ขอบคุณจากใจทีมงานหมอพลอย
ทุกถุง ทุกกล่อง ทุกคำห่วงใยที่ทุกคนมอบให้ ไม่ได้เป็นแค่ “ของบริจาค” แต่คือความเมตตาที่ส่งต่อถึงน้องหมาน้องแมวที่กำลังลำบากในพื้นที่น้ำท่วม



ทุกการบริจาคของท่าน คือพลังสำคัญที่เรานำไปส่งต่อสู่คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.อ. และเจ้าของสัตว์ในพื้นที่เดือดร้อน ขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ครับ
ขอขอบคุณทีมงานหมอบรีฟ และโรงพยาบาลสัตว์เกษตรฯ ที่เป็นแกนกลางการนำส่งสิ่งของบริจาคจากทั่วทุกสารทิศครับ
โรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย - โรคผิวหนังจากปรสิตภายนอก “เห็บ” ในสุนัข
เห็บไม่ได้แค่ทำให้หมาคันหรือผิวหนังแดงเท่านั้นนะ!
การกัดของเห็บสามารถทำให้เกิด ตุ่มแดง (papule), สะเก็ดแดง (crust), แผลบุ๋มหลังเห็บหลุด (crater lesion) และผิวหนังอักเสบคันมาก ๆ ได้นอกจากนี้ เห็บยังเป็นพาหะนำโรคหลายชนิดที่ส่งผลต่อผิวหนังหรือร่างกาย เช่น
• Ehrlichiosis → ทำให้เกิดเส้นเลือดอักเสบ, ผื่น, เลือดออกใต้ผิวหนัง
• Babesia / Anaplasma → อาจมีผื่นร่วมกับอาการซีด เหนื่อยง่าย
การรักษา• ถอนเห็บออกอย่างระมัดระวัง
• ยากำจัดเห็บ/หมัดตามแพทย์สั่ง
• รักษาการติดเชื้อแทรกซ้อนด้วยยาปฏิชีวนะถ้ามีหนองหรือแผลติดเชื้อ
•ในบางเคส ใช้ยาลดอักเสบหรือสเตียรอยด์สั้น ๆ หากผิวหนังอักเสบรุนแรง
การป้องกัน• ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บ/หมัดเป็นประจำ (แบบกิน/หยด)
• ตรวจร่างกายสุนัขบ่อย ๆ โดยเฉพาะบริเวณหู คอ ขาหนีบ
• รักษาความสะอาดพื้นที่อยู่ของสุนัข
วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)



- Bilateral Sacroiliac Luxation with Sacrococcygeal Avulsion ในแมว
อุบัติเหตุรถชนเป็นสาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บบริเวณกระดูกเชิงกรานของแมว โดยเฉพาะ sacroiliac (SI) luxation ซึ่งเป็นการที่ปีกกระดูก ilium หลุดออกจากกระดูก sacrum ทำให้เสียความมั่นคงของ pelvic girdle อย่างรุนแรง และหากมีแรงดึงบริเวณโคนหางร่วมด้วย อาจเกิด sacrococcygeal avulsion ทำให้หางตกและขาดการรับความรู้สึกได้
—————————————————–
เคสน้องน้ำตาลแมวถูกรถชน มาด้วย
• ไม่ลงน้ำหนักหลังทั้งสองข้าง (non–weight bearing)
• เจ็บเมื่อคลำบริเวณเชิงกราน
• หางตก ไม่ขยับ และไม่มี deep pain
ทำ X-ray พบว่า
• Sacroiliac luxation ทั้งสองข้าง (bilateral SI luxation)
แนวทางการรักษา• ผ่าตัดตรึงกระดูกด้วย iliosacral lag screw fixation ทั้งสองข้าง
• ทำ caudectomy (tail amputation) เนื่องจากหางไม่มี deep pain และเป็นภาระการดูแล
• ให้การรักษาร่วม: ยาลดปวด–ลดอักเสบ ยาปฏิชีวนะ สารน้ำ และพักฟื้นในกรง
หลังผ่าตัดน้องฟื้นตัวดี สามารถเริ่มลงน้ำหนักได้มากขึ้นตามลำดับ
—————————————————–
ทำไม SI luxation ถึงต้องผ่า?Pelvic girdle = โครงสร้างรับน้ำหนักหลัก
ถ้า SI joint หลุด → แรงที่ส่งจากขาหลังไปสู่กระดูกสันหลังจะ “ขาดตอน” ทำให้:
• เดินไม่ได้ เจ็บมาก
• เกิด pelvic canal narrowing ถ้าปล่อยไว้อาจกระทบการถ่ายอุจจาระ
• เสี่ยงต่อ nerve stretch (traction) บริเวณ lumbosacral area
ในราย bilateral (หลุดสองข้าง) การผ่าตัดจะช่วยให้
ฟื้นตัวเร็วกว่า
เดินได้ภายในสัปดาห์แรก ๆ
ลดความเจ็บเรื้อรัง
ลดโอกาส pelvic malalignment—————————————————–
ทำไมถึงเลือกใช้ “Lag Screw Fixation”? ในเคสนี้การตรึง SI joint มีหลายวิธี แต่ lag screw ถือเป็น gold standard ด้วยเหตุผล:
1. ให้ความมั่นคงสูง
2. ใช้เป็น compression fixation
3. อุปกรณ์น้อย ความเสี่ยงต่ำ
4. ใช้ได้แม้ SI หลุดสองข้าง
หลังผ่าตัด (Post-op Care)• ควรจำกัดบริเวณ 4–6 สัปดาห์
• ให้ทานยาลดปวด ลดอักเสบต่อเนื่อง
• วางแผนการทำกายภาพบำบัด
• โดยรวมการฟื้นตัวมักดีใน 6–12 สัปดาห์
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- โรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องภาคใต้ทุกท่านค่ะ ขอให้ทุกคนและสัตว์เลี้ยงปลอดภัย และให้สถานการณ์คลี่คลายในเร็ววัน
สำหรับผู้ที่ต้องการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย สามารถสนับสนุนได้ผ่านช่องทางการบริจาคทั้งสิ่งของและปัจจัยต่าง ๆ โดยดูรายละเอียดที่น่าเชื่อถือได้จากเพจต่าง ๆ ได้เลยค่ะ
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างเข้มแข็งค่ะ

- นกป่วย ดูอย่างไร แบบไหน?
นกเป็นสัตว์ที่เก่งมากในการซ่อนอาการป่วย เพราะในธรรมชาติ การแสดงความอ่อนแอคือความเสี่ยงต่อการโดนล่า ดังนั้น… ถ้านกเริ่ม “ผิดปกติ” นิดเดียว! = อาจป่วยจริงจังแล้ว มาดูเช็คลิสต์ง่ายๆ ว่า “นกเราป่วยไหม?” กันครับ
1. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง• เงียบ ซึม ไม่ร้องเหมือนเดิม
• ไม่ค่อยมองรอบๆ หรือตอบสนองช้าลง
• หลับเยอะผิดปกติ เอาหัวซุกปีกเกินปกติ (เป็นอาการแรก ๆ ของโรคทางระบบ)
2. ความอยากอาหารลดลง / น้ำหนักลดนกน้ำหนักลดเร็วมาก โดยเฉพาะนกเล็ก ให้จับกระดูกอกตรวจทุกสัปดาห์ ถ้าคลำแล้วกระดูกสันอกแหลม = ผอมแล้วนะคะ หรือถ้ากินได้ แต่ผอมลง = อาจมีปัญหาการดูดซึม, ปรสิต, โรคตับ โรคไต
3. อุจจาระเปลี่ยนไปปกติอึนกมี 3 ส่วน:
• Feces (เนื้ออึ)
• Urates (สีขาว)
• Urine (ใส)
อันตรายถ้าเห็น:
• สีเขียวสด (liver)
• สีดำ (melena)
• ขาวคลุ้งน้ำเยอะ (โรคไต/เครียด)
• มีเมือก มีก้อน มีเลือด
4. ขนหยาบ ขนตั้ง ขนพองขนนกป่วยจะเป็นแบบ:
• ขนไม่เรียบ สีหม่น
• กางขนเพื่อเก็บความร้อน (คือมีไข้หรืออ่อนแรง)
5. หายใจผิดปกติ• อ้าปากหายใจ
• หายใจมีเสียง “คลิก” / เสียงหวีด
• หางกระดกตามลมหายใจ (tail bobbing) — สำคัญมาก! โรคที่เจอบ่อยมักเป็นโรคติดเชื้อเช่น Mycoplasma, Aspergillosis, Viral respiratory disease
6. ตา-จมูกมีน้ำ/บวม• ตาแฉะ
• หนังตาบวม
• น้ำมูกเหนียวๆ
• มีเสียงนกชน้ำมูกเวลาหายใจ
มักอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ การอักเสบระบบหายใจ
7. อาหารตกค้างที่ปาก / crop abnormal• Crop ไม่ยุบ (Crop stasis)
• มีกลิ่นเปรี้ยวจากปาก → ติดเชื้อรา
• อาเจียน/พ่นออก → ไม่ปกติเด็ดขาด
โรคที่พบบ่อยในนกเลี้ยง• Chlamydia psittaci
• Aspergillosis
• Crop infection (Candida / bacterial)
• Parasites (Eimeria, Capillaria ฯลฯ)
• Nutritional deficiency โดยเฉพาะนกที่กินเมล็ดเป็นหลัก
• Trauma / ตกกรง / กระแทก
สัญญาณเตือนระดับ “พาไปโรงพยาบาลทันที”• อ้าปากหายใจ
• อึมีเลือด
• ขนพองทั้งวัน
• หงอยไม่ยืนบนค perch
• ไม่กิน >12 ชั่วโมง
• ชัก กล้ามเนื้อกระตุก
แล้วต้องตรวจอะไรบ้าง? (ถ้าสงสัยป่วย)• Physical exam
• X-ray (หายใจ, air sac, ไข่ค้าง)
• Fecal exam (parasites)
• Crop swab
• Blood test (CBC, liver, kidney)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- น้องหมาปัสสาวะเป็นเลือด กะปริดกะปรอย… ต้องระวังอะไรบ้าง?
อาการปัสสาวะผิดปกติในสุนัข ไม่ว่าจะ ปัสสาวะปนเลือด ปัสสาวะบ่อยทีละนิด เบ่งนาน ร้องเวลาปัสสาวะ ล้วนเป็นสัญญาณว่าระบบทางเดินปัสสาวะกำลังมีปัญหา!
คุณหมอต้องแยกโรคอะไรบ้าง?เบื้องต้นเราต้องแยกสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น
• กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) — ติดเชื้อแบคทีเรีย
• นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ/ท่อไต
• เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ (พบได้น้อยแต่ต้องนึกถึง)
• โรคต่อมลูกหมากโตในตัวผู้สูงวัย
• ปัสสาวะคั่งจากสาเหตุทางระบบประสาท
• ภาวะกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
• อุบัติเหตุบริเวณท้อง
—————————————————–
เคสน้องมาม่อน (ปอมน่ารักตัวหนึ่ง)น้องมาด้วยอาการปัสสาวะผิดปกติ คุณหมอจึงตรวจจากภายนอกพบว่ากระเพาะปัสสาวะใหญ่
X-ray• ไม่พบนิ่ว แต่ กระเพาะปัสสาวะค่อนข้างใหญ่กว่าปกติ → ทำให้สงสัยว่าอาจมีการอั้นหรืออักเสบที่ทำให้บีบตัวไม่ดี
Ultrasound• พบผนังกระเพาะปัสสาวะหนา 0.81–0.88 ซม. → บ่งชี้ถึงภาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
• ส่งตรวจปัสสาวะโดยการเพาะเชื้อและดูความไวรับยา พบเชื้อ Proteus mirabilis ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มักพบ
รักษาอย่างไร?• ให้ ยาปฏิชีวนะตามผลความไวต่อยา (culture & sensitivity)ร่วมกับ ยาลดอักเสบ + ยาบำรุงทางเดินปัสสาวะ
• ติดตามผลด้วย ultrasound ซ้ำ → ผนังลดลงเหลือ 0.13–0.20 ซม.
• ตอนนี้น้อง ปัสสาวะคล่อง ไม่เจ็บ ไม่ติดขัด และสีเหลืองใส
—————————————————–
แล้วทำไมกระเพาะปัสสาวะอักเสบถึงเกิดขึ้นได้?สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. การติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น Proteus, E. coli)แบคทีเรียสามารถไต่ขึ้นจากท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย โดยเฉพาะใน
• สุนัขเพศเมีย
• สุนัขที่เลียอวัยวะเพศบ่อย
• ภาวะภูมิคุ้มกันลดลง
• การอั้นฉี่นาน ๆ
2. การดื่มน้ำน้อย → ปัสสาวะเข้ม → แบคทีเรียเพิ่มง่าย
3. Cystolith / นิ่วแม้ X-ray ไม่เจอ แต่บางชนิด (เช่น urate, cystine) ต้องดูด้วย ultrasound
4. ปัสสาวะคั่ง / bladder tone ลดลงจากความเจ็บปวดหรือการอักเสบ ทำให้ปัสสาวะออกไม่หมด → เชื้อเติบโตง่าย
—————————————————–
คำแนะนำสำหรับเจ้าของน้องหมา1. เพิ่มน้ำดื่มให้น้อง
• น้ำสะอาดตลอดเวลา
• สามารถเติมน้ำในอาหารเม็ดให้ซุปหมาเจือจางได้
• ช่วยให้ปัสสาวะใส ลดโอกาสเกิดนิ่วและการติดเชื้อ
2. ห้ามอั้นปัสสาวะ
• พาน้องออกไปขับถ่ายให้บ่อยขึ้น
• ถ้าเจ้าของทำงานนาน แนะนำแผ่นฉี่/หาคนพาออก
3. ดูแลความสะอาดอวัยวะเพศ
• ช่วยลดการเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะของแบคทีเรีย
4. เลือกอาหารที่ช่วยระบบทางเดินปัสสาวะ
• เช่นสูตร urinary care, low mineral, ลดการเกิดนิ่วบางชนิด
5. ตรวจปัสสาวะและอัลตราซาวนด์ติดตาม
• โรคนี้ กลับเป็นซ้ำได้ การติดตามช่วยป้องกันการเรื้อรังและตรวจหานิ่วเล็ก ๆ ที่อาจเพิ่งเริ่มก่อตัว
6. กินยาครบตามที่คุณหมอสั่ง
• การหยุดยาฆ่าเชื้อก่อนกำหนด → เชื้อไม่ตาย → ดื้อยา → อาการกลับมาได้
อัลตราซาวน์/เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- OVH – Ovariohysterectomy การผ่าตัดทำหมันแมวเพศเมีย เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าในระยะยาว
วันนี้มีเคสน้องแมวสีขาวตัวหนึ่งที่เจ้าของเป็นห่วงมาก เพราะน้องเป็นแมวเลี้ยงปล่อย และเริ่มกังวลว่าถ้าตั้งท้องบ่อยจะเสี่ยงทั้งต่อสุขภาพน้องเองและทำให้จำนวนประชากรแมวเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ จึงพาน้องมาทำ ผ่าตัดทำหมันแบบ OVH (Ovariohysterectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดนำรังไข่และมดลูกออกทั้งหมด
—————————————————–
ขั้นตอนก่อนผ่าตัดก่อนผ่าตัด น้องต้อง งดอาหาร ตามระยะเวลาที่เหมาะสม และใช้ ยาสลบควบคุมด้วยมอนิเตอร์สัญญาณชีพ เพื่อให้ปลอดภัยที่สุดตลอดการผ่าตัด
การผ่าตัดที่ต้องใช้ Sterile Techniqueทุกขั้นตอนทำภายใต้ เทคนิคปลอดเชื้อ (Sterile technique) เพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อน/ระหว่าง/หลังผ่า ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมผิวหนัง เครื่องมือผ่าตัด หรือการทำแผล ล้วนสำคัญมากสำหรับน้องแมวทุกตัว
เคสของ “น้องสีขาว”น้องสีขาวตัวนี้ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยและฟื้นตัวเร็วมากครับ
หลังผ่าเพียง 2 ชั่วโมง ก็เริ่มลืมตา ตอบสนองดี และพร้อมกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เจ้าของสบายใจขึ้นเยอะ เพราะนอกจากช่วยลดความเสี่ยงการตั้งท้องไม่พึงประสงค์แล้ว การทำหมันยังช่วยลดโรคปลายทาง เช่น
เนื้องอกมดลูก
Pyometra (มดลูกเป็นหนอง)
อาการติดสัตว์ที่ทำให้เครียดและเสี่ยงออกนอกบ้าน—————————————————–
ทำหมัน = ป้องกันปัญหาใหญ่ให้แมวของคุณการผ่าตัดเล็ก ๆ แค่ครั้งเดียว แต่ช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพดีขึ้น และลดความเสี่ยงโรคที่อันตรายได้มากมายเลยครับ
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- TVT – เนื้องอกติดต่อทางเพศในสุนัข
โรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ “ส่งต่อกันได้”
วันนี้หมอเจอเคสน้องหมาชื่อน้ำตาล มาด้วยอาการ ปัสสาวะมีเลือดปน เจ็บบริเวณปลายอวัยวะเพศ ตรวจดูใกล้ ๆ พบว่า ผิวหนังบริเวณหุ้มปลายอวัยวะเพศมีรอยโรคแดงเป็นปุ่ม ๆ คล้ายดอกกะหล่ำ ซึ่งเป็นลักษณะที่เข้ากับ TVT (Transmissible Venereal Tumor) หรือ เนื้องอกติดต่อทางเพศในสุนัข
ปัสสาวะใสปกติ แต่เลือดออกจากรอยโรคที่ผิวหนัง → ชี้ว่าปัญหาอยู่ที่ก้อนเนื้องอก ไม่ใช่กระเพาะปัสสาวะ—————————————————–
แล้ว TVT คืออะไร?TVT เป็น เนื้องอกเพียงชนิดเดียวในสุนัขที่สามารถติดต่อได้โดยตรง ไม่ใช่เกิดจากการกลายพันธุ์ภายในตัวเอง แต่เกิดจาก “เซลล์เนื้องอกจากหมาตัวหนึ่ง หลุดมาติดในอีกตัวหนึ่ง”
วิธีการติดต่อ• การผสมพันธุ์
• เลีย/ดมอวัยวะเพศกัน
• แผลถลอก สัมผัสเยื่อเมือก
• เจอในสุนัขที่ชอบเที่ยว ออกนอกบ้าน ไม่ทำหมัน
ภาพเซลล์ยืนยันโรคหมอได้ทำ Cytology จากรอยโรค แล้วพบว่า:
• มี เซลล์ TVT ลักษณะจำเพาะ (round cell tumor)
• พบ เม็ดเลือดขาวกำลังกินแบคทีเรียแท่ง (rod-shaped bacteria) → บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วย
การติดเชื้อนี้เองที่ทำให้เลือดออกง่ายและเจ็บมากขึ้น
การรักษาการรักษาหลัก = เคมีบำบัดฉีดเข้าหลอดเลือด สัปดาห์ละครั้ง ส่วนมากตอบสนองดีมาก ก้อนยุบใน 3–6 สัปดาห์
และถ้ามีติดเชื้อแทรกซ้อน → ให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
ต้องมาฉีดครบตามรอบ ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
ทำยังไงให้ไม่เป็นอีก?• ทำหมัน
• เลี่ยงพาน้องไปผสมพันธุ์โดยไม่จำเป็น
• ดูแลไม่ให้ออกไปเที่ยวกับหมาจร
• เห็นเลือดออกบริเวณอวัยวะเพศ → ควรพามาตรวจทันที
วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- หมากินเบ็ด–กินตะปู อันตรายแค่ไหน?
สิ่งแหลมคม เช่น ตะปู เศษลวด เบ็ดตกปลา เป็นของต้องห้ามสุด ๆ สำหรับน้องหมา เพราะมันสามารถ
• ทิ่มทะลุตั้งแต่ปาก หลอดอาหาร กระเพาะ ไปจนถึงลำไส้
• ทำให้ อักเสบ บาดเจ็บ เลือดออกภายใน
• หากเป็นเบ็ด (มีเงี่ยง) จะ เกี่ยวเนื้อจนดึงย้อนออกไม่ได้
•เสี่ยง ทะลุลำไส้ → เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (peritonitis) รุนแรงถึงชีวิต
—————————————————–
เคสจริงที่ยากกว่าที่คิด…มีน้องหมาตัวหนึ่งถูกพามาด่วน เพราะ เจ้าของเห็นว่าน้องกินเบ็ดเข้าไป แถมยังมี สายเอ็นโผล่ออกมาจากปาก คุณหมอเห็นแล้วแบบ…โอเค อย่างน้อยยังพอจับจุดได้
แต่พอ X-ray ปุ๊บ
→ หัวใจหล่นวูบเลยครับ เพราะนอกจากเบ็ดแล้ว ในภาพยังเห็น ตะปูอยู่ในลำไส้อีกด้วย
เลยเริ่มภารกิจช่วยชีวิตทันที
1. ลองส่องกล้อง (endoscopy) เข้าไปคีบตะปู
แต่ตำแหน่งยากมาก ไม่เจอชัด
2. จึงใช้ Fluoroscopy ช่วยนำทางตำแหน่ง จนพบว่าเศษโลหะหนึ่งชิ้น ซ่อนอยู่ที่ส่วนปลายหลอดอาหาร–ต้นกระเพาะอาหาร
3. ปัญหาคือ… มันติดแน่น ดึงออกทางปากไม่ได้
ดึงแรงมีสิทธิ์ทะลุและอันตรายถึงชีวิต
สุดท้ายเลยต้อง
ตัดสินใจผ่าตัดเปิดช่องท้อง และผ่าเข้ากระเพาะอาหาร (gastrotomy) ถึงจะนำของแหลมทั้งหมดออกมาได้สำเร็จน้องปลอดภัย หายดี และกลับบ้านไปกอดเจ้าของแน่น ๆ

—————————————————–
อาการที่มักเจอ• น้ำลายไหลมาก เจ็บปาก
• อาเจียน / พยายามอาเจียน
• เจ็บท้อง เดินหลังโก่ง
• ซึม เบื่ออาหาร
• อุจจาระมีเลือด (อาจมีก็ได้ ไม่มีก็ได้)
• บางตัวไม่แสดงอาการ แต่ ของคมยังอยู่ในท้อง
ทำไม “ห้ามดึงเองเด็ดขาด” หากเป็นเบ็ดเพราะ เงี่ยงเบ็ดจะเกี่ยวเนื้อแน่นกว่าเดิม ดึงออกเองอา ทำให้กระชากเนื้อทะลุ เลือดออก และหลุดลึกขึ้นไปอีก ควรให้สัตวแพทย์ทำการดมยาสลบ / X-ray ก่อน และใช้เทคนิคเฉพาะในการดึง
การรักษาทั่วไปทำยังไง?1. เอกซเรย์ ดูตำแหน่งตะปูหรือเบ็ด
2. ถ้าอยู่ในกระเพาะและปลายคมยังไม่ทะลุ → ส่องกล้องเอาออกได้
3. ถ้าทะลุเนื้อ หรือลงลำไส้แล้ว → ต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องเอาออก
4. ให้ยาปฏิชีวนะ กันติดเชื้อ + แก้อักเสบ + ให้น้ำเกลือ
5. เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ลำไส้ทะลุ
สิ่งที่เจ้าของต้องทำเมื่อสงสัยว่าหมากินของคม• รีบพามาโรงพยาบาลสัตว์ทันที
• ห้ามป้อนน้ำ ห้ามป้อนอาหาร
• ห้ามพยายามทำให้อาเจียนเอง (เสี่ยงบาดเจ็บมากขึ้น)
• ถ้าเป็นเบ็ดและเชือกยังโผล่ออกมา → จับปลายเชือกเอาไว้ ห้ามดึง
ป้องกันยังไงดี?• ไม่ทิ้งเศษตะปู ลวด ลิ้นชักงานช่างให้เกลื่อน
• งดเล่นของแหลม ของโลหะ
• ถ้าพาน้องไปทะเล/บ่อปลา ระวังซากเบ็ด–ตะขอที่หล่นอยู่
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ตาสองสี (Heterochromia) ในหมา–แมว คืออะไร?
วันนี้เจอทั้งน้องแมวและน้องหมาที่ตา 2 สี เจ้าของมาถามหมอเรื่องภาวะตาสองสี วันนี้เลยมาให้ความรู้ครับHeterochromia = ภาวะที่ สองข้างสีตาไม่เหมือนกัน หรือบางที ตาเดียวมีหลายสี เกิดจากความแตกต่างของ ปริมาณเม็ดสีเมลานิน (melanin) ในม่านตา
มีกี่แบบ?1. Complete heterochromia
ตาซ้ายกับตาขวา “สีต่างกันเลย” เช่น ข้างน้ำเงิน ข้างน้ำตาล
2. Sectoral heterochromia
“ตาหนึ่งดวงหลายสี” เช่น สีน้ำตาลผสมฟ้าเป็นบางส่วน
3. Central heterochromia
วงตรงกลางรอบรูม่านตาเป็นอีกสีหนึ่ง
ทำไมหมา–แมวถึงตาสองสี?
1. พันธุกรรม (ส่วนใหญ่)เกิดจากยีนที่มีผลต่อเม็ดสี เช่น
• Merle gene (หมา) – เช่น Australian Shepherd, Husky, Border Collie
• White spotting gene / Dominant White gene (แมว) – โดยเฉพาะแมวขาว, แมววิเชียรมาศบางตัว, แมวพันธุ์ Turkish Van, Turkish Angora
ผลคือ เม็ดสีที่ม่านตาผลิตไม่เท่ากัน → สีตาออกมาต่างกัน
อันนี้ถือว่า “ปกติ” และเป็นลักษณะทางพันธุกรรม ไม่ใช่โรค
2. เกิดตามหลังโรคหรือการอักเสบ (พบได้น้อย)ถ้าเกิดขึ้น “ทีหลัง” ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด มักเกี่ยวกับโรค เช่น
• Uveitis
• Glaucoma
• Iris atrophy
• เนื้องอกในม่านตา (melanoma)
• Trauma
กรณีนี้ “สีตาเปลี่ยน” + มักมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดตา น้ำตาไหล ตาแดง มองไม่ชัด ต้องตรวจตา
ความเสี่ยงสุขภาพที่อาจเจอ
1. พันธุกรรมล้วน (มาตั้งแต่เด็ก)ถ้าแค่ “ตาสองสีแต่สุขภาพตาปกติดี”
ไม่มีปัญหาสุขภาพโดยตรง
ไม่กระทบการมองเห็นยกเว้นบางพันธุ์/ยีน
• แมวขาวตาน้ำเงิน → เสี่ยง หูหนวกข้างที่เป็นตาฟ้า
• หมา merle × merle (“double merle”) → เสี่ยงตาผิดปกติ/หูหนวก
2. ถ้าเกิดใหม่ตอนโต (acquired heterochromia)ต้องระวังโรคตา เช่น
• Uveitis
• Glaucoma
• Iris melanoma
• Depigmentation โรคภูมิทำลายเม็ดสี
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- Spinal Surgery Case: ช่วยชีวิตน้องหมาหลังโดนรถชน
L2–L3 vertebral subluxation treated with pedicle screw fixation
เมื่อความเจ็บมาแบบไม่ทันตั้งตัว…
น้องสุนัข (น้องลำดวน) ถูกรถชนจนกระดูกสันหลังบริเวณ L2–L3 เกิด subluxation หรือ “เคลื่อนจนใกล้หลุด” ทำให้เสี่ยงกระดูกกดไขสันหลังแบบเฉียบพลัน เดินไม่ได้ เจ็บตัวมาก และมีโอกาสอัมพาตถาวรได้เลย

แต่ยังไม่หมดหวัง! ทีมสัตวแพทย์เลือกใช้การผ่าตัด spine surgery คือ Pedicle Screw Fixation — การใส่น็อตยึดกระดูกสันหลังเพื่อให้กระดูกกลับเข้าตำแหน่งเดิมและฟื้นเสถียรภาพให้แน่นปึ้ก
ระหว่างผ่าตัดมีการใช้ Fluoroscope ช่วยนำทางแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ตำแหน่งสกรูแม่นกริบ ปลอดภัยต่อไขสันหลังที่สุด
มีการถ่ายภาพ X-ray ก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อติดตามการเคลื่อนตัวของกระดูกและอุปกรณ์
หลังผ่าตัด: ไม่ใช่จบ แต่คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังผ่าตัดน้องต้อง
จำกัดการเคลื่อนไหว
ควบคุมความเจ็บปวด
กายภาพบำบัดตามโปรโตคอลเพื่อให้เส้นประสาทได้ฟื้นตัวเต็มที่ กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรง และโอกาสกลับมาเดินได้ดีขึ้นอีกเยอะ

“อุบัติเหตุแค่ชั่วคราว… แต่เราจะพาน้องกลับมายืนได้อีกครั้ง”เคสนี้เป็นตัวอย่างของการรักษาที่ต้องใช้ทั้งความแม่นยำ ความร่วมมือของทีม และใจสู้ของน้องหมาเอง ขอบคุณเจ้าของที่ไม่ยอมแพ้ และให้โอกาสน้องได้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- Cryptorchidism: อัณฑะไม่ลงถุงต้องผ่าไหม?
Cryptorchidism = ภาวะอัณฑะไม่ลงถุงอัณฑะตามปกติ
พบได้บ่อยในสุนัข และพบในแมวเช่นกัน เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ควรผ่าตัดแก้ไข ไม่ควรปล่อยไว้
🧩 มีกี่แบบ? ตำแหน่งอัณฑะค้างอยู่ตรงไหนได้บ้าง
ภาวะนี้แบ่งตาม “ตำแหน่งที่อัณฑะค้าง” ได้ 3 ตำแหน่งหลัก ๆ
1) Abdominal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่ในช่องท้อง ไม่สามารถคลำเจอ
→ มักต้องใช้อัลตราซาวด์ช่วยค้นหาตำแหน่งก่อนผ่าตัด
→ มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงที่สุด เพราะอัณฑะอยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม
2) Inguinal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่บริเวณขาหนีบ
→ มักคลำเจอเป็นก้อนนุ่ม ๆ ใต้ผิวหนัง
→ ผ่าตัดเปิดขาหนีบเพื่อนำออก
3) Prescrotal cryptorchidism
อัณฑะค้างอยู่ “ก่อนถึงถุงอัณฑะ” ตรงแนว midline หน้าถุง
→ คลำเจอง่าย แต่ไม่ลงสู่ถุงตามปกติ
→ ผ่าตัดตำแหน่งด้านหน้า scrotum
🎯 สาเหตุที่ทำให้อัณฑะไม่ลงถุง
• พันธุกรรม (สำคัญที่สุด)
• ความผิดปกติของ gubernaculum / ช่องผ่านอัณฑะ
• ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนตัวผิดสมดุล
• พบร่วมกับความผิดปกติแต่กำเนิดอื่นได้ในบางราย
⚠️ ถ้าไม่รักษา จะเกิดอะไรได้บ้าง?
• เสี่ยง มะเร็งอัณฑะ (sertoli cell tumor / seminoma)
• บิดอัณฑะ (torsion) → ปวดท้องเฉียบพลัน
• พฤติกรรมเสี่ยงจากฮอร์โมนเพศชาย
• ถูกจัดว่าเป็น “ข้อบกพร่องทางพันธุกรรม” → ไม่ควรนำไปผสมพันธุ์
📌 ตัวอย่างเคสจริง: “น้องซูโม่”
วินิจฉัย: Right unilateral inguinal cryptorchidism = อัณฑะขวาค้างที่ขาหนีบ
🔍 ก่อนผ่าตัด
• ทำ Ultrasound เพื่อยืนยันตำแหน่งอัณฑะ
• ตรวจเลือด ประเมินก่อนวางยาสลบ
🔪 การผ่าตัด ทำตามหลักมาตรฐาน 2 ขั้นตอน
1. Right cryptorchidectomy
• เปิดแผลบริเวณขาหนีบ นำอัณฑะที่ค้างออก
2. Left castration
• ทำหมันอีกข้างควบคู่กัน เพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมและมะเร็งในอนาคต
• เหตุผล: สัตว์ที่เป็น cryptorchid ไม่ควรคงความสามารถในการสืบพันธุ์
🩹 หลังผ่าตัด
– ให้ยาแก้ปวด–ยาปฏิชีวนะ
– ใส่ปลอกกันเลียตลอด 10–14 วัน
– ทำแผลตามคำแนะนำ
– ติดตาม 10 วันเพื่อดูแผล / ตัดไหม
ผลติดตาม: แผลแห้งดี ไม่มีติดเชื้อ และกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
🐾 คำแนะนำ
– ถ้าคลำถุงอัณฑะแล้วว่าง → ควรรีบตรวจ
– ยิ่งผ่าเร็ว ความเสี่ยงมะเร็งยิ่งลด
– ไม่ควรใช้เป็นพ่อพันธุ์
– ไม่ใช้วิธีพื้นบ้าน นวด กดดัน หรือกลึงให้ลง → อันตราย
– ผ่าตัดเป็นทางเดียวที่รักษาได้จริง
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท) - ภาวะกระดูกอ่อนหนังตาที่สามพลิกออก (T-cartilaginous eversion) ในแมว
ภาวะที่พบไม่บ่อยในแมว แต่สร้างความระคายเคืองและบดบังการมองเห็นได้มาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
หนังตาที่สามพลิกออกคืออะไร?หนังตาที่สามของแมวมี “กระดูกอ่อนรูปตัว T” ที่ช่วยค้ำโครงสร้างและปกป้องดวงตา เมื่อกระดูกอ่อนชิ้นนี้ บิดหรือพลิกออกด้านนอก จะเห็นเป็นก้อนสีชมพูโผล่ออกมุมตา ทำให้น้องแมวรู้สึกระคายเคืองและหรี่ตา
—————————————————–
อาการในเคสนี้ จากการตรวจพบว่า• หนังตาที่สามพลิกออกอย่างชัดเจน
• เยื่อบุตาบวมแดง และน้ำตาไหลมาก
• น้องแมวมีอาการหรี่ตาและไม่สบายตา
ภาวะนี้ไม่สามารถดันกลับได้ด้วยมือ (manual reposition) ในหลายเคส เพราะกระดูกอ่อนบิดผิดรูปไปแล้ว
การตรวจและการประเมิน– คุณหมอทำการตรวจตาโดยรวม และย้อมสีเพื่อตรวจหาแผลที่กระจกตา → ไม่พบแผล
– สรุปปัญหาเกิดจากการบิดตัวของกระดูกอ่อนหนังตาที่สามโดยตรง
การรักษา: ผ่าตัดแก้ไขเท่านั้นแนวทางรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการ
• ตัดแต่งกระดูกอ่อนที่บิดผิดรูป
• จัดตำแหน่งหนังตาที่สามให้กลับเข้าที่
หลังผ่าตัดและสังเกตอาการต่อเนื่อง
• ดวงตากลับมามองเห็นชัดเจน
• อาการบวมแดงลดลง
• ลดการระคายเคืองและการหรี่ตาอย่างเห็นได้ชัด
ผลการรักษาในเคสนี้ก่อนผ่าตัด: หนังตาที่สามยื่นออกมาชัดเจน รบกวนการมองเห็น
หลังผ่าตัด: หนังตากลับเข้าที่ ตาเปิดได้ปกติ
(หลังผ่าตัดให้เจ้าของหยอดตาและใส่ E-collar เพื่อกันน้องแมวเกาตา)
—————————————————–
คำแนะนำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง• ภาวะนี้ไม่หายเอง และมักไม่ตอบสนองต่อการดันกลับ
• ไม่ใช่โรคติดเชื้อ แต่เป็นความผิดปกติของกระดูกอ่อน
• ควรรักษาเร็วเพื่อลดความไม่สบายตาและป้องกันการเกิดอักเสบเรื้อรัง
• การผ่าตัดให้ผลดีและช่วยฟื้นฟูการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ฉมวกแทงทะลุทรวงอก ต้องผ่าตัดด่วนและดูแลแบบนาทีต่อนาที
เคส: Penetrating Thoracic Injury ในสุนัขเมื่อเจ้าของพาน้องนวลมาที่โรงพยาบาล สิ่งแรกที่เห็นคือบาดแผลจาก ฉมวก ยาวทิ่มทะลุเข้าอกด้านขวาและปลายโผล่ไปทางซ้าย — เป็นลักษณะของ penetrating chest trauma ที่ถือเป็นภาวะฉุกเฉินขั้นสูงสุด ต้องประเมินและผ่าตัดทันที
การประเมินเบื้องต้น: ทุกวินาทีมีค่าทีมสัตวแพทย์ทำการ
• ตรวจสัญญาณชีพ
• ประเมินการหายใจ
• ทำ X-ray ทรวงอก ซึ่งพบว่า วัตถุแทงผ่านปอดจากขวาไปซ้าย และมี แง่งของฉมวก ที่อาจฉีกขาดเนื้อเยื่อระหว่างดึงออกได้
นี่คือสาเหตุที่ “ห้ามดึงออกเอง” โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เลือดออกในช่องอกเฉียบพลันจนเสียชีวิตได้—————————————————–
การผ่าตัด: ต้องละเอียดและระมัดระวังที่สุดในการผ่าตัด ทีมศัลยแพทย์ต้อง
• เปิดช่องอกเพื่อเข้าถึงตำแหน่งฉมวก
• ค่อย ๆ ปลดแง่ง (barbs) ทีละส่วน เพื่อไม่ให้ฉีกปอดหรือหลอดเลือดเพิ่ม
• ตรวจหาความเสียหายของปอด เยื่อหุ้มปอด และเส้นเลือดรอบ ๆ
• ทำการล้างช่องอกเพื่อลดการปนเปื้อน
หลังนำฉมวกออกแล้ว จะมีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายและหยุดเลือด
หลังผ่าตัด: การดูแลที่เข้มข้นแบบ 24 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นแผลแทงทะลุช่องอก จึงต้องมีการดูแลใกล้ชิดที่สุด ได้แก่
1. ใส่ Chest Drain (สายระบายทรวงอก)• ดูดลมที่รั่วออกจากปอด
• ระบายของเหลวหรือหนองที่ต้องเกิดขึ้นตามกลไกการอักเสบหลังการผ่าตัด
2. เฝ้าดูการหายใจทุกชั่วโมง โดยประเมิน• อัตราหายใจ
• เสียงหายใจ
• การขยายตัวของทรวงอก
•ค่าออกซิเจนในเลือด
3. ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น• ปอดแฟบ (atelectasis)
• Pneumothorax
• Hemothorax
• การติดเชื้อในช่องอก
•ปอดอักเสบหลังการผ่าตัด
น้องนวลต้องได้รัยาฆ่าเชื้อจุลชีพ ยาแก้ปวด ลดอักเสบ และ สารน้ำ ควบคู่กับการพักรักษาแบบแอดมิทจนสัญญาณชีพคงที่ปลอดภัย
—————————————————–
ข้อควรรู้สำหรับเจ้าของเมื่อเจอ “แผลแทงทะลุทรวงอก”• ห้ามดึงวัตถุออกเองเด็ดขาด
• ห้ามกดและห้ามล้าง
• รีบนำส่งโรงพยาบาลสัตว์ทันที
• ให้สังเกตอาการหายใจลำบาก เขียว ซึม อย่างใกล้ชิดระหว่างเดินทาง
• หากมีเลือดออกมาก ให้กดรอบ ๆ บาดแผล (ไม่กดบนวัตถุที่ทิ่มอยู่)
ผ่าตัด: น.สพ.ธนา ศรีสองเมือง (หมอโน๊ต)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- น้องมะม่วงกินสิ่งแปลกปลอม — เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!
หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยในสุนัข คือ การกินสิ่งแปลกปลอม (Foreign body ingestion) ไม่ว่าจะเป็นของเล่น ฝาขวด เข็ม ด้าย หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่มีกลิ่นน่าสนใจสำหรับน้องหมา
สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เมื่อกลืนเข้าไป อาจติดค้างในหลอดอาหาร กระเพาะ หรือแม้แต่ลำไส้ ทำให้เกิดอาการอาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด หรืออาจทะลุลำไส้จนติดเชื้อในช่องท้องได้
—————————————————–
เคสน้องมะม่วงเจ้าของแจ้งว่าน้องมะม่วงน่าจะ “กลืนเข็มเข้าไป” ทีมสัตวแพทย์จึงเอ็กซเรย์พบเข็มในกระเพาะและทำการส่องกล้อง (Endoscopy) ตรวจดู พบว่าสิ่งที่อยู่ในกระเพาะคือ
ฝาขวดพลาสติกขนาดใหญ่
เชือก
เข็มเย็บผ้าและด้ายสิ่งของบางชิ้นมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะคีบออกด้วยกล้องได้ จึงจำเป็นต้องทำการ ผ่าตัดเปิดกระเพาะ (Gastrotomy) เพื่อนำออกอย่างปลอดภัย
—————————————————–
ทำไมต้องส่องกล้องก่อนผ่าตัด?การส่องกล้องช่วยให้สัตวแพทย์มองเห็นสิ่งแปลกปลอมภายในทางเดินอาหารโดยไม่ต้องเปิดช่องท้องก่อน ซึ่งในบางกรณีสามารถคีบออกได้เลยโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าสิ่งนั้นมีขนาดใหญ่ คม หรืออยู่ในตำแหน่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของอวัยวะ เช่น กรณีน้องมะม่วง ทีมแพทย์จะเลือกวิธีผ่าตัดที่ ปลอดภัยที่สุดสำหรับสัตว์

การดูแลหลังผ่าตัดหลังผ่าตัด ทีมสัตวแพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือแผลรั่ว
งดอาหารและน้ำตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
ให้ยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดต่อเนื่อง
ค่อย ๆ ปรับอาหารเป็นอาหารย่อยง่าย
สังเกตอาการอาเจียนหรือซึม หากพบให้รีบกลับมาพบสัตวแพทย์ทันที
ข้อควรระวังสำหรับเจ้าของ• เก็บของชิ้นเล็กหรือแหลมคมให้พ้นมือสัตว์เลี้ยง
• ไม่ปล่อยให้น้องเล่นของที่สามารถหลุดหรือกลืนได้
• หากสงสัยว่าน้องกลืนสิ่งแปลกปลอม อย่าพยายามทำให้อาเจียนเอง ควรรีบนำมาพบสัตวแพทย์เพื่อเอกซเรย์หรือส่องกล้องทันที
ส่องกล้อง/ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฐฐ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ทำไมต้องฝังไมโครชิปให้สัตว์เลี้ยง? ไม่ได้แค่ไว้ “หรูดูดี” แต่คือเรื่องของความปลอดภัยและกฎหมาย!
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า… ตอนนี้ในประเทศไทย การฝังไมโครชิปในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งในด้าน
การระบุตัวตน
การป้องกันการสูญหาย
และการเป็นหลักฐานทางกฎหมาย
ไมโครชิปคืออะไร?– ไมโครชิปเป็น ชิปขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าว บรรจุรหัสเฉพาะ 15 หลัก ไม่สามารถลบหรือซ้ำได้ ฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณ ระหว่างสะบัก (ข้างหลังคอ) ของสุนัขหรือแมว
– ไม่มีแบตเตอรี่
ไม่ส่งคลื่นไฟฟ้าออกมาอ่านข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่ใช้ เครื่องสแกน (scanner) เท่านั้น
ในประเทศไทย ฝังไมโครชิปไว้มีประโยชน์อะไรบ้าง?
1. พิสูจน์ตัวตนสัตว์เลี้ยงได้แน่นอน เมื่อสัตว์หายหรือถูกขโมย สามารถสแกนชิปเพื่อระบุตัวตนและเจ้าของได้ทันที
2. จำเป็นสำหรับการทำทะเบียน / เดินทาง / เพาะพันธุ์ / ส่งออก กรมปศุสัตว์ใช้หมายเลขไมโครชิปเป็น “รหัสประจำตัวสัตว์” ที่ผูกกับฐานข้อมูล เช่น การทำ Pet Passport, การส่งออก, การย้ายถิ่น, หรือขอใบรับรองสุขภาพ (Health Certificate)
3. ใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย หากเกิดกรณีพิพาท เช่น ทรัพย์สินหาย หรือการขโมยสัตว์ ไมโครชิปสามารถใช้ยืนยันความเป็นเจ้าของได้
4. ปลอดภัย ไม่เจ็บมาก และอยู่ได้ตลอดชีวิต ฝังเพียงครั้งเดียวโดยสัตวแพทย์ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ไม่ต้องดมยาสลบ และไม่ต้องดูแลพิเศษหลังทำสพ.ฝัง: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- Superficial Corneal Ulcer ในสุนัขคืออะไร?
“แผลหลุมกระจกตาตื้น” หรือ Superficial corneal ulcer คือ ภาวะที่ผิวกระจกตาชั้นนอกสุด (epithelium) เกิดการถลอกหรือเป็นแผล ซึ่งกระจกตาคือส่วนใส ๆ ด้านหน้าของลูกตา ถ้ามีแผลจะทำให้สุนัข เคืองตา ปวดตา กระพริบตาบ่อย และน้ำตาไหลมาก
สาเหตุที่พบบ่อย•ถูกเล็บ ขน หรือสิ่งแปลกปลอม ขีดข่วนตา
• การ เกา หรือถูตาแรง ๆ จากอาการคัน
• ขนตาขึ้นผิดทิศ ทำให้ขนถูตา
• สารเคมีหรือน้ำยาทำความสะอาดเข้าตา
• ภาวะ ตาแห้ง (Keratoconjunctivitis sicca)
• การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสร่วม
คุณหมอจะทำการตรวจตาอย่างละเอียด โดยเฉพาะ1. ย้อมตาด้วยสี fluorescein stain – ถ้ามีแผล สีจะติดเป็นจุดหรือรอยบนกระจกตา
2. ตรวจด้วยไฟส่องตา (slit lamp / ophthalmoscope) เพื่อดูความลึกของแผล
3. ตรวจ tear test (Schirmer tear test) เพื่อดูว่ามีตาแห้งหรือไม่
4. ตรวจหาขนหรือสิ่งแปลกปลอม บริเวณขอบตาและหนังตาที่สาม
การรักษา1. หยอดยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
2. ใช้ยาลดปวดตา เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อตาและความเจ็บ
3. ในบางรายที่แผลไม่หาย อาจต้อง ขูดแผล (debridement) หรือทำ grid keratotomy / contact lens ปิดแผล โดยสัตวแพทย์
4. ใส่ ปลอกคอกันเลีย ป้องกันสุนัขเกาหรือถูตา
โดยปกติแผลตื้นจะหายภายใน 5–7 วัน ถ้ารักษาเร็วและไม่ติดเชื้อ
การป้องกัน• หลีกเลี่ยงให้สุนัขกัดกันแรง ๆ
• ตรวจเช็กและ ตัดขนรอบตาให้สั้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะพันธุ์หน้าสั้น (ปั๊ก, ชิสุ, ปอมฯ)
• อย่าใช้ สำลีหรือทิชชูเช็ดตาแรง ๆ
• หากมี น้ำตาไหล เคืองตา หรือหรี่ตา ให้รีบพามาตรวจโดยสัตวแพทย์ เพราะแผลลึกสามารถทำให้ตาบอดได้
วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- รู้จัก “เชื้อราผิวหนังในสุนัข” หรือ Dermatophytosis กันไหม?
โรคนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุยอดฮิตของอาการ ขนร่วงเป็นวง ๆ คัน หรือมีสะเก็ดตามตัว โดยเฉพาะในลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอครับ
เชื้อที่พบบ่อยที่สุด คือ Microsporum canis ซึ่งสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ (เรียกว่าโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน – Zoonosis) ดังนั้นคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ก็ควรระวังเช่นกัน
อาการที่พบบ่อย• ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ขอบชัด
• ผิวหนังแดง คัน มีสะเก็ดหรือขุย
• ในบางรายอาจไม่มีอาการคันเลย แต่เชื้อยังอยู่และแพร่ต่อได้
• สามารถติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
การวินิจฉัยสัตวแพทย์จะใช้การตรวจด้วยแสง Wood’s lamp, การส่องกล้องจุลทรรศน์ หรือเพาะเชื้อรา เพื่อยืนยันชนิดของเชื้อก่อนเริ่มการรักษา
การรักษา• ใช้ยาทาฆ่าเชื้อราเฉพาะที่ (เช่น แชมพูหรือครีมที่มี miconazole, ketoconazole หรือ lime sulfur dip)
• ร่วมกับยากินในบางกรณีที่รอยโรคกว้างหรือดื้อยา
• ควรทำความสะอาดบริเวณที่สุนัขอยู่ เช่น ผ้าปู ที่นอน พื้นบ้าน หรือกรง อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการติดซ้ำ
สิ่งที่ไม่ควรทำ• อย่าทายาฆ่าเชื้อราของคนให้สัตว์เอง
• อย่าคิดว่า “หายแล้ว” จากตาเปล่า เพราะเชื้อยังคงอยู่ได้หลายสัปดาห์
เชื้อราผิวหนังในสุนัขไม่ใช่เรื่องเล็ก และสามารถติดต่อสู่คนได้ แต่ถ้ารักษาถูกวิธีและดูแลสิ่งแวดล้อมดี โรคนี้สามารถหายขาดได้ครับ

วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- วันนี้มาเติมแมวกันเถอะ
เมื่อวานมาแบ่งรูปน้องหมาแล้ว วันนี้เลยพาน้องแมวมาให้คุณพ่อคุณแม่เอ็นดูกันครับ เช่นเดียวกันในน้องแมวก็อย่าลืมตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน ป้องกันพยาธิ-ปรสิต รวมถึงหมั่นสังเกตอาการผิดปกตินะครับ
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ใครเป็นทาสน้องหมา มาทางนี้เลย!
น้อง ๆ แต่ละพันธุ์มีความน่ารักไม่เหมือนกัน แต่ก็มี “โรคประจำพันธุ์” ที่ควรระวังแตกต่างกันไป เช่น พันธุ์เล็กมักมีปัญหาหัวใจหรือฟัน ส่วนพันธุ์ใหญ่ก็มักเจอเรื่องข้อสะโพกหรือโรคทางกระดูกครับ

อย่าลืมพาน้อง ๆ มาตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจเลือด ตรวจฟัน ตรวจหัวใจ เพื่อให้แน่ใจว่าน้องยังแข็งแรงดี
และที่สำคัญ — อย่าขาดวัคซีน! ทั้งวัคซีนพิษสุนัขบ้า ไข้หัด ลำไส้อักเสบ และวัคซีนเสริมอื่น ๆ ตามคำแนะนำของคุณหมอ 
การดูแลให้ครบตั้งแต่สุขภาพกายจนถึงใจ จะทำให้น้องอยู่กับเราไปได้นาน ๆ เลยนะครับ

เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- เบาหวาน…โรคที่สุนัขและแมวก็เป็นได้
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในคนเท่านั้นนะครับ สุนัขและแมวก็สามารถเป็นได้เช่นกัน โดยเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน อินซูลิน (Insulin) ที่ผลิตจากตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล เมื่ออินซูลินผลิตได้น้อย หรือร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นจนเกิดเป็น “โรคเบาหวาน”
—————————————————–
อาการที่ควรสังเกต• ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย
• กินเก่งแต่ผอมลง
• ขนร่วง ผิวหนังไม่เงา
• ซึม อ่อนแรง เดินเซ
• ตาฝ้าขาว โดยเฉพาะในสุนัข
• แมวบางตัวอาจมี “เดินปลายเท้าแบน” (neuropathy)
หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาไปตรวจเลือดและปัสสาวะกับสัตวแพทย์ เพื่อยืนยันระดับน้ำตาลและประเมินการทำงานของอวัยวะอื่นร่วมด้วย
การรักษาโรคเบาหวานจำเป็นต้องได้รับการดูแลระยะยาว การรักษาประกอบด้วย
• การฉีดอินซูลินเป็นประจำ (ตามชนิดและขนาดที่สัตวแพทย์กำหนด)
• การควบคุมอาหาร สูตรเฉพาะสำหรับสัตว์เบาหวาน
• การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะ
• การดูแลน้ำหนักตัวและการออกกำลังกายให้เหมาะสม
ห้ามหยุดยา หรือปรับอินซูลินเองโดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำรุนแรงได้
โรคร่วมที่มักพบในสัตว์เบาหวาน (Concurrent diseases)โรคเบาหวานในสัตว์เลี้ยงมักไม่ได้เกิดขึ้นลำพังครับ สัตวแพทย์มักตรวจพบโรคอื่นร่วมด้วย เช่น
• โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
• การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)
• โรคต่อมหมวกไต (Cushing’s disease)
• ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)
• ภาวะอ้วน หรือในแมวอาจพบ โรคไทรอยด์เกิน (Hyperthyroidism) ร่วมด้วย
โรคเหล่านี้อาจทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น จึงต้องตรวจและรักษาร่วมกันอย่างใกล้ชิดครับ
—————————————————–
การป้องกัน• ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน
• ให้อาหารคุณภาพดี เหมาะกับช่วงวัย
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะสัตว์อายุเกิน 6 ปี
เบาหวานไม่ใช่โรคร้าย หากรู้ทันและดูแลถูกทาง การสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในพฤติกรรมของน้องหมาแมวคือกุญแจสำคัญในการยืดอายุและคุณภาพชีวิตของเขาครับ 

วินิจฉัยและรักษา: น.สพ.ธีรยุทธ์ ปัญญาตุ้ย (หมอท็อป)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- หมออยากให้รู้ไว้… ไม่ใช่ทุกสิ่งที่คันจะเป็นหมัดในแมวนะครับ บางทีอาจเป็น “เหา” ได้ครับ
เหาแมว (Felicola subrostratus) เป็น ปรสิตภายนอกเฉพาะในแมว ไม่ติดต่อข้ามสายพันธุ์ไปคนหรือสุนัขครับ มันจะอยู่ตามขนและผิวหนัง ดูดกินเศษขนและเซลล์ผิว ทำให้น้องแมว คัน ขนร่วง เป็นขุย และขนหยาบกระด้าง
เหามักพบในแมวที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเช่น ลูกแมว แมวจร แมวป่วยเรื้อรัง หรือแมวที่ไม่ได้เลียขนตัวเองเป็นประจำ ถ้าใช้หวีสางขนละเอียดจะเห็นตัวเล็กๆ สีเหลืองขาวเกาะแน่นอยู่บนขน — นั่นแหละครับ “เหาแมวตัวจริง”
อาการที่พบบ่อย• คัน เกาและเลียตัวบ่อย โดยเฉพาะบริเวณหัว คอ และหลัง
• ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือขนยุ่งพันกัน ดูไม่เงา
• ขนหยาบ มีขุย หรือสะเก็ดเล็ก ๆ ติดตามโคนขน
• เห็นตัวเหาเล็ก ๆ สีเหลืองซีด / ขาวเคลื่อนไหวช้า ๆ บนขน โดยเฉพาะถ้าส่องด้วยแสง
• แมวบางตัวอาจ ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ถ้ามีการระคายเคืองมาก
• ลูกแมวหรือแมวป่วยอาจมี ภาวะซีด โลหิตจาง ได้หากเหามากผิดปกติ
การรักษาและป้องกัน• ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดปรสิตที่ปลอดภัยสำหรับแมว เช่น ยาหยดหลัง หรือสเปรย์
• ควรรักษาทั้งตัว และถ้ามีหลายตัวในบ้านต้องป้องกันพร้อมกัน
• ทำความสะอาดเครื่องนอน พื้น และบริเวณที่แมวนอนอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าน้องมีอาการคัน ขนร่วง หรือดูไม่สบายตัว อย่าพึ่งซื้อยามาใช้เองนะครับ ให้หมอตรวจยืนยันก่อนว่าเป็นหมัด เหา หรือไร — เพราะการรักษาแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน“สุขอนามัยของขนและผิวหนัง บอกสุขภาพของร่างกายได้มากกว่าที่คิดครับ”
วินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- รู้ไหม? ตรวจสุขภาพไม่ได้มีแค่เลือด — กระดูกก็ต้องเช็ก!
หมอไม่ได้ดูแค่กระดูกหัก แต่ดูทั้ง “โครงสร้าง ความมั่นคง และการเคลื่อนไหว” ของร่างกายสัตว์เลี้ยงเลยครับ หลายคนคิดว่าการตรวจสุขภาพประจำปีคือแค่ตรวจเลือด ฟัน หรือหัวใจ แต่ความจริงแล้ว “ระบบกระดูกและข้อ” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นพื้นฐานของการยืน เดิน วิ่ง และคุณภาพชีวิตโดยตรง
X-ray (เอกซเรย์) คือหนึ่งในเครื่องมือหลักที่หมอใช้ดูความผิดปกติ เช่น ข้อต่อเสื่อม / กระดูกผิดแนว ขาโก่ง สะโพกหลวม หรือแนวสันหลังคด โรคข้ออักเสบที่ยังไม่แสดงอาการภายนอก ในกรณี ตรวจสุขภาพประจำปี หรือ ก่อนผ่าตัด (Pre-op check) หมอจะใช้ภาพเอกซเรย์เพื่อประเมินแนวกระดูกและอวัยวะสำคัญ (หัวใจ ปอด กระดูกซี่โครง) และอาจวัด “มุมต่าง ๆ” เช่น hip angle, joint congruency เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคข้อในอนาคต
แต่ไม่ได้มีแค่เครื่องมือเท่านั้นนะครับ หมอยังมี “maneuver หรือ specific test” ที่ใช้ตรวจด้วยมือ เช่น– Ortolani test ตรวจภาวะสะโพกหลวมในสุนัขพันธุ์ใหญ่
– Cranial drawer test / Tibial compression test สำหรับตรวจเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าขาด
– Barden’s test, Patellar luxation grading เพื่อดูการเคลื่อนของสะบ้าหรือข้อต่อ
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้หมอประเมินสภาพข้อต่อได้แม่นยำยิ่งขึ้นก่อนตัดสินใจรักษา
และหากต้องการความละเอียดขั้นสูง หมออาจแนะนำ CT scan หรือ advanced imaging เพื่อดูโครงสร้างเชิงลึก เช่น กะโหลก กระดูกสันหลัง หรือช่องจมูก ซึ่งให้ภาพแบบสามมิติ ช่วยวางแผนผ่าตัดหรือประเมินรอยโรคได้ดียิ่งขึ้นวินิจฉัย: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- “น้องคันหู” ไม่ใช่เรื่องเล็ก!
คันหู เกาหู ส่ายหัวบ่อย อาจไม่ใช่แค่ขี้หูเยอะนะครับ! เวลาน้องหมาหรือแมวคันหู เกาจนแดง หรือส่ายหัวแรง ๆ เจ้าของหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วอาจมี “โรคหูอักเสบ” ซ่อนอยู่ครับ ซึ่งมีหลายสาเหตุเลย เช่น
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการคันหู• ไรในหู (Ear mites) ปรสิตตัวเล็ก ๆ ที่กัดดูดในช่องหู ทำให้คันมาก
• เชื้อรา / ยีสต์ (Malassezia) ชอบอากาศอับชื้นในรูหู
• แบคทีเรีย จากหูสกปรกหรืออาบน้ำแล้วไม่แห้ง
• แพ้ (Allergy) เช่น แพ้อาหาร ฝุ่น หรือหญ้า
• ขนในหูมากเกินไป ทำให้ระบายอากาศไม่ดี
สังเกตอาการที่ไม่ควรมองข้าม• เกาหูบ่อย ส่ายหัวตลอดเวลา
• มีกลิ่นเหม็นจากหู
• ขี้หูสีดำ น้ำตาล หรือเหลือง
• หูแดง บวม หรือมีแผลเลือดซึม
การรักษาสัตวแพทย์จะตรวจในช่องหูด้วยกล้อง otoscope หรือส่องกล้องจุลทรรศน์หาสาเหตุ จากนั้นจึงเลือกใช้ยาเฉพาะ เช่น
• ยาหยอดฆ่าไร / ต้านเชื้อรา / ยาปฏิชีวนะ
• ยาแก้อักเสบหรือแก้คันเฉพาะจุด
และต้อง ทำความสะอาดหูอย่างถูกวิธีเท่านั้น ห้ามใช้สำลีแหย่เข้าไปในหูเด็ดขาดนะครับ!
การป้องกันง่าย ๆ• ตรวจดูหูและเช็ดหูสัปดาห์ละครั้ง
• ใช้น้ำยาเช็ดหูสูตรเฉพาะสัตว์เลี้ยง
• ป้องกันไรและหมัดด้วยยาหยดหลังเป็นประจำ
• ระวังอย่าให้น้ำเข้าหูตอนอาบน้ำ
ในเคสนี้น้องแมวมาหาคุณหมอด้วยว่ามีอาการคันหู สะบัดหัว หมอจึงตรวจช่องหู พบว่ามีการบวมอักเสบ จึงนำขี้หูไปส่องตรวจกล้องจุลทรรศน์ พบว่าไรในหูจำนวนมาก จึงได้มีการหยอดยาป้องกัน ยาหยอดหู และน้ำยาทำความสะอาดหู หลังผ่านไป 10 วัน น้องอาการดีขึ้น ไม่มีอาการคันและไรในหูแล้วครับ
ถ้าเห็นน้องคันหูบ่อย ๆ อย่ารอให้เป็นแผลก่อนถึงพามาหาหมอครับ “ยิ่งรักษาเร็ว หายไว ไม่ทรมาน” เพราะโรคหูอักเสบเรื้อรังอาจทำให้น้อง หูอื้อ หรือถึงขั้นได้ยินไม่ชัด ได้เลยครับวินิจฉัยและเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ฮัลโลวีนนี้…ระวังให้ดี! ของ “น่ากลัว” สำหรับหมาแมว
วันฮัลโลวีนอาจจะเต็มไปด้วยความสนุก ขนม และการแต่งตัวแฟนซี แต่รู้ไหมครับว่ามีหลายอย่างที่ “อันตราย” สำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา
1. ขนมช็อกโกแลตสาร theobromine และ caffeine ในนั้นเป็นพิษต่อสุนัขและแมว ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาเจียน หรือชักได้
2. ลูกอมและหมากฝรั่งไร้น้ำตาลส่วนผสมที่ชื่อว่า xylitol เป็นพิษต่อสุนัขอย่างรุนแรง ทำให้ตับวายและน้ำตาลในเลือดตก
3. เทียนและของตกแต่งแมวที่ชอบปีน หรือหมาที่ชอบดม อาจทำเทียนล้ม เกิดไฟไหม้ หรือกลืนเศษตกแต่ง เช่น พลาสติกหรือริบบิ้น
4. ชุดแฟนซีสัตว์เลี้ยงแม้จะน่ารัก แต่ถ้าชุดแน่นไปหรือมีชิ้นส่วนเล็ก ๆ อาจทำให้น้องหายใจลำบากหรือกลืนติดคอได้ เลือกชุดที่สบายและไม่รัดตัวจนเกินไป
5. เสียงดังและคนแปลกหน้าสุนัขบางตัวตกใจเสียงเคาะประตูหรือเสียงหัวเราะดัง ๆ ควรให้เขาอยู่ในห้องที่สงบ ปลอดภัย
Tips จากคุณหมอ:“ฮัลโลวีนสำหรับเราคือความสนุก แต่สำหรับสัตว์เลี้ยงอาจเต็มไปด้วยความเครียดและอันตราย คอยสังเกตพฤติกรรม และเก็บของกินของตกแต่งให้พ้นมือน้อง ๆ เสมอครับ”
สุขสันต์วันฮัลโลวีนจากคุณหมอและทีมดูแลสัตว์เลี้ยงทุกตัว 
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- หนูตะเภา…เพื่อนตัวกลมเสียงจิ๊ดจ๊าดที่ใครก็หลงรัก!
หนูตะเภา (Guinea pig) เป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่นิสัยอ่อนโยน ไม่กัดง่าย โตเต็มวัยจะหนักประมาณ 700–1200 กรัม (ตัวเมียมักใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย) อายุเฉลี่ย 5–7 ปี ถ้าดูแลดีสามารถอยู่ได้นานกว่านั้น
นิสัยและพฤติกรรมหนูตะเภาเป็นสัตว์ขี้ตกใจแต่เชื่องไว ถ้าได้รับการสัมผัสอย่างอ่อนโยนจะไว้ใจเจ้าของมากขึ้น มักจะส่งเสียง “วี๊ดๆ” หรือ “คุยเบาๆ” เวลาเรียกหาเจ้าของหรือขออาหาร ฟังแล้วใจละลายแน่นอนครับ
การเลี้ยงดู• ต้องมีกรงขนาดกว้าง ระบายอากาศดี ปูพื้นด้วยขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อนหรือแผ่นรองดูดซับ
• ให้อาหารเม็ดเฉพาะหนูตะเภา และหญ้าแห้ง (timothy hay) ตลอดเวลา
• เสริม วิตามินซีทุกวัน เพราะหนูตะเภาสร้างเองไม่ได้
• น้ำสะอาดต้องมีตลอด
การดูแลสุขภาพ• อาบน้ำหรือแปรงขนเป็นครั้งคราวตามสายพันธุ์
• ตัดเล็บสม่ำเสมอ
• ตรวจฟันและน้ำหนักเป็นระยะ เพราะฟันยาวง่าย
• ป้องกันเห็บหมัดได้ด้วย ยาหยดหลังสูตรเฉพาะสำหรับสัตว์เล็ก (ขนาดสำหรับหนูตะเภา) — ห้ามใช้ของแมวหรือหมาโดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์ เพราะอาจเป็นพิษได้!

จำไว้ว่า หนูตะเภาอาจตัวเล็ก แต่หัวใจอบอุ่นมาก ถ้าให้ความรัก ความสะอาด และอาหารที่เหมาะสม เค้าจะตอบแทนด้วยเสียงร้องเบาๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขเลยครับเรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- การช่วยชีวิตสัตว์หลังคลอด: สิ่งที่เจ้าของควรรู้
หลังคลอดเป็นช่วงสำคัญสำหรับแม่และลูกสัตว์ ลูกอาจขาดอากาศหรืออ่อนแรง หากรู้วิธีช่วยเหลือเบื้องต้น จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ครับ
1. ตรวจหายใจลูกสัตว์เช็ดเมือกออกจากปากและจมูก ถูตัวบริเวณอกให้ลูกกระตุ้นหายใจ หากยังไม่หายใจ อาจเป่าลมเบาๆ สลับกับนวดอกประมาณ 1–2 นาที
2. ดูแลแม่สัตว์ตรวจว่ารกออกครบหรือไม่ ให้แม่พักในที่อุ่น สะอาด และสงบ เพื่อให้แม่ฟื้นและน้ำนมไหลดี
3. รักษาอุณหภูมิของลูกสัตว์ห่อผ้าสะอาดหรือวางขวดน้ำอุ่นข้างๆ ตัวลูก อย่าให้ร้อนเกินไป (ในสถานพยาบาลสัตว์จะมีตู้กกอุณหภูมิ ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม)
4. กระตุ้นให้ดูดนมเร็วน้ำนมแรกมีภูมิคุ้มกันสำคัญ ให้ลูกดูดนมภายใน 1–2 ชั่วโมง หากแม่ไม่ให้นม ให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อใช้นมทดแทน
5. สังเกตอาการผิดปกติหากแม่มีไข้ ไม่กินอาหาร หรือปวดมาก ลูกตัวเย็น หายใจแรง ไม่ดูดนม รีบพบสัตวแพทย์ครับ
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- “Modified Perineal Urethrostomy” เปิดทางเดินปัสสาวะใหม่ให้น้องแมว ปัญหา “แมวเพศผู้ปัสสาวะไม่ออก” พบได้บ่อยมาก โดยโรคที่เรียกว่า FLUT disease (Feline Lower Urinary Tract Disease) เป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยที่สุดในแมวโต โดยพบได้ประมาณ 1–3% ของแมวที่มาพบสัตวแพทย์ต่อปี และในแมวที่เคยอุดตันแล้ว กว่า 30–50% อาจกลับมาอุดตันซ้ำภายใน 6–12 เดือน
สาเหตุที่พบบ่อยคือ– การอุดตันของ นิ่วหรือเศษผลึกในท่อปัสสาวะ
– การอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ (Cystitis)
– การเกิด พังผืดหรือการตีบแคบของท่อปัสสาวะ หลังการอักเสบหรือใส่สายสวนบ่อย
ในเคสนี้ น้องแมวชิโน่มีอาการปัสสาวะไม่ออกมากกว่า 3 ครั้ง และเริ่มมีพังผืดบริเวณท่อปัสสาวะ ทำให้ใส่ท่อสวนได้ยาก คุณหมอจึงพิจารณาให้ทำการผ่าตัด Modified Perineal Urethrostomy เพื่อ “เปิดรูทางเดินปัสสาวะใหม่” บริเวณใต้ทวารหนักให้น้องสามารถขับปัสสาวะได้สะดวกขึ้น
หลังการผ่าตัดและพักฟื้นประมาณ 3–4 เดือน น้องกลับมาปัสสาวะได้ปกติ ไม่มีอาการอุดตันหรือเจ็บปัสสาวะอีก 
การวินิจฉัยก่อนการผ่าตัดสัตวแพทย์จะตรวจโดยใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น
– คลำกระเพาะปัสสาวะและตรวจร่างกาย
– ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อดูค่าคริสตัล เม็ดเลือด หรือการติดเชื้อ
– อัลตราซาวด์/เอกซเรย์ เพื่อตรวจหานิ่ว
– ใส่สายสวนท่อปัสสาวะเพื่อตรวจการอุดตัน
หากพบว่าอุดตันซ้ำบ่อย ใส่สายสวนไม่ได้ หรือมีพังผืดปิดทางเดินปัสสาวะแล้ว

การผ่าตัด Modified Perineal Urethrostomy จะช่วยเปิดทางใหม่ให้ปัสสาวะออกได้สะดวก และลดโอกาสเกิดการอุดตันซ้ำหลังผ่าตัด น้องควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น
– ป้องกันการเลียแผล (ใส่ปลอกคอ)
– ดูแลความสะอาดบริเวณก้นและท่อใหม่
– ควบคุมอาหารสูตรปัสสาวะ (urinary diet)
– ตรวจติดตามกับสัตวแพทย์ตามนัด
แม้การผ่าตัดจะช่วยให้ชีวิตน้องดีขึ้นมาก แต่เจ้าของก็ยังต้องดูแลเรื่องอาหารและสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง

ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- พยาธิในแมว…เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม!
หลายคนคิดว่า “เลี้ยงแมวในบ้านไม่น่ามีพยาธิ” แต่จริง ๆ แล้วแมวทุกตัว มีโอกาสติดพยาธิได้ จากอาหารดิบ หมัด หรือสัตว์พาหะรอบตัว
อาการที่ควรสังเกต• อาเจียน (บางทีมีตัวพยาธิออกมาด้วย)
• ถ่ายเหลว และอาจมีถ่ายเป็นตัว หรือเห็นปล้องขยับได้เหมือนเม็ดข้าวสาร
• พุงโตแต่ผอม ขนหยาบ ซีด
• เบื่ออาหาร หรือกินเยอะแต่ไม่อ้วน
• ลูกแมวมักโตช้า ติดพยาธิจากแม่ได้
สาเหตุหลัก• กินของดิบ หรือสัตว์พาหะ เช่น หนู จิ้งจก กบ
• กลืนหมัดขณะเลียขน → ติดพยาธิตัวตืด
• ติดจากแม่หรือน้ำนม
• สิ่งแวดล้อมไม่สะอาด มีไข่พยาธิ
การรักษา• ใช้ยาถ่ายพยาธิ
• ต้องเลือกยาตามชนิดพยาธิ และอาจต้องถ่ายซ้ำ
• ควบคุมหมัด เพราะหมัดเป็นพาหะของพยาธิตัวตืด
• ห้ามใช้ยามนุษย์ เพราะบางตัวเป็นพิษต่อแมว!
การป้องกัน• ถ่ายพยาธิเป็นประจำทุก 1–3 เดือน
• ควบคุมหมัดและงดอาหารดิบ
• เก็บอึแมวให้ถูกสุขลักษณะ
• ตรวจอุจจาระหรือตรวจสุขภาพประจำปี
พยาธิที่พบได้บ่อย• พยาธิตัวกลม (Toxocara cati) → อ้วกออกมาเป็นเส้นยาว ๆ คล้ายสปาเกตตี้
• พยาธิตัวแบน (Dipylidium / Taenia) → ถ่ายออกมาเป็นเม็ดข้าวสารหรือปล้องขยับได้
• พยาธิปากขอ (Ancylostoma) → ถ่ายเหลว ปนเลือด ซีด น้ำหนักลด
เรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- “ขนร่วง คัน มีหมัด…อย่ามองข้าม หมัดไม่ใช่แค่ตัวดูดเลือด!”
หมัด (Fleas) เป็นปรสิตภายนอกที่พบได้บ่อยในแมว ทั้งในบ้านและแมวที่ออกไปข้างนอก แม้จะเห็นแค่ตัวเล็ก ๆ กระโดดไว ๆ แต่ผลกระทบของมันมีมากกว่าที่คิดครับ
1. คันและขนร่วงจากการแพ้น้ำลายหมัด (Flea Allergy Dermatitis)แมวบางตัวมีอาการแพ้น้ำลายหมัด เมื่อถูกกัดเพียงไม่กี่ครั้งก็อาจเกิดอาการคันรุนแรง เกา ถู ขนร่วง โดยเฉพาะบริเวณโคนหาง หลัง หรือคอ ผิวหนังอักเสบเป็นสะเก็ด และถ้าปล่อยไว้นานอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อนได้
2. หมัดเป็นพาหะของพยาธิและเชื้อโรคอื่น ๆหมัดสามารถดูดเลือดจากสัตว์หลายชนิด และนำเชื้อโรคต่าง ๆ มาสู่แมวได้ เช่น
• พยาธิตัวแบน Dipylidium caninum (ติดเมื่อแมวกินหมัดขณะเลียขน)
• เชื้อแบคทีเรีย Bartonella henselae ซึ่งเป็นสาเหตุของ “โรคแมวข่วน (Cat scratch disease)” ที่สามารถติดต่อสู่คนได้
• พยาธิเม็ดเลือดในแมว (Feline Hemoplasmosis) จากเชื้อ Mycoplasma spp. ซึ่งเกาะอยู่บนเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการ ซึม เบื่ออาหาร เหงือกซีด โลหิตจาง โดยเฉพาะในแมวที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคไวรัส FeLV/FIV ร่วมด้วย
3. ภาวะโลหิตจางในลูกแมวหมัดจำนวนมากสามารถดูดเลือดจนลูกแมวเกิดภาวะโลหิตจางได้ โดยเฉพาะในลูกแมวอายุน้อยหรือแมวที่ร่างกายอ่อนแอ
อย่าลืม! ป้องกันไว้ดีกว่ารักษาการหยอดหรือให้ยาป้องกันปรสิตเป็นประจำ ช่วยป้องกันได้ทั้งหมัด เห็บ และพยาธิภายในบางชนิด พร้อมลดความเสี่ยงของโรคผิวหนังและโรคเลือดที่มากับหมัด
ควรให้เป็นประจำทุกเดือน ผลิตภัณฑ์มีหลายรูปแบบ เช่น ยาหยอดหลัง ยากิน หรือปลอกคอป้องกัน ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกแบบที่เหมาะกับน้องแมวของคุณนะครับเรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- การผ่าตัดทำหมันสุนัขเพศสำคัญอย่างไร?
การทำหมันสุนัขเพศผู้ (Castration/Neutering) คือการผ่าตัดเอาอัณฑะทั้งสองข้างออก เพื่อหยุดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) และยับยั้งการสืบพันธุ์ เป็นหนึ่งในวิธีดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงระยะยาวที่สัตวแพทย์ทั่วโลกแนะนำ เพราะช่วยลดปัญหาด้านพฤติกรรม โรคระบบสืบพันธุ์ และช่วยลดจำนวนสุนัขจรจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมสุนัขควรทำหมัน?
ด้านสุขภาพ• ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งอัณฑะ (เพราะตัดออกทั้งหมด)
• ลดปัญหา ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) ในสุนัขอายุมาก
• ลดโอกาสเกิด ฝีหนองที่ต่อมลูกหมาก (Prostatitis) และ ถุงน้ำอสุจิ (Prostatic cyst)
• ลดปัญหา ไส้เลื่อนรอบทวาร (Perineal hernia) ที่พบบ่อยในสุนัขเพศผู้ที่มีฮอร์โมนเพศสูงเป็นเวลานาน
ด้านพฤติกรรม• ลดอาการก้าวร้าว แข่งขัน อาละวาด
• ลดการเห่าอาละวาดเมื่อได้กลิ่นสุนัขตัวเมียเป็นสัด
• ลดพฤติกรรม ฉี่ทำอาณาเขต ในบ้าน
• ลดการ หนีออกนอกบ้าน เพื่อไปตามหาตัวเมีย
• ลดการขึ้นคร่อมสิ่งของหรือคน
ด้านสังคมและความปลอดภัย• ลดการต่อสู้กับสุนัขตัวอื่น
• ลดความเสี่ยงถูกอุบัติเหตุจากการหนีไปผสมพันธุ์
• ช่วยลดจำนวนลูกสุนัขที่ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหรือถูกทอดทิ้ง
อายุที่เหมาะสมในการทำหมันโดยทั่วไป แนะนำให้ทำเมื่อ:
• สุนัขอายุ 6 เดือนขึ้นไป
• ช่วงก่อนเริ่มแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือชอบหนีจากฮอร์โมนเพศ
• สุนัขโตเต็มวัยหรือสูงอายุสามารถทำได้ แต่ควรตรวจสุขภาพก่อนอย่างเหมาะสม
การดูแลหลังผ่าตัด• ใส่ปลอกคอกันเลีย (Elizabethan collar) 7–10 วัน
• ให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบตามสัตวแพทย์สั่ง
• งดอาบน้ำ 7 วัน
• ไม่ให้วิ่ง กระโดด เล่นแรง ๆ ช่วงพักฟื้น
• ดูแผลทุกวัน หากผิดปกติ ต้องพามาตรวจทันที
ผ่าตัด: น.สพ.ธารายุทธ นาศร (หมอจอม)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- การผ่าตัดกระดูกในสุนัขคืออะไร?
เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกระดูกที่ หัก หลุด หรือผิดรูป ให้กลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงปกติที่สุด เช่น ใส่ plate, screw, pin, หรือ wire เพื่อยึดกระดูกให้ติดกลับเข้าที่
เคสที่โรงพยาบาลน้องโค้ก สุนัขจร มาด้วยการถูกรถชน นอนร้อง ไม่สามารถลุกยืนได้ คุณหมอตรวจร่างกายและเอ็กซเรย์พบ
– Both femoral head fracture
– Left ilial wing fracture
– Right acetabulum fracture
– Right sacroiliac luxatuon
– Pubis fracutre
คุณหมอจึงวางแผนผ่าตัด ตรวจเลือด ซึ่งพบว่ามีค่าเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดที่ต่ำ จึงมีการถ่ายเลือดก่อนการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยในการดมยาสลบและผ่าตัด หลังจากนั้นได้มีการผ่าตัดโดยใช้วิธีต่าง ๆ คือ
– FHNE (Femoral Head and Neck Excision)
– TBW (Tension band wiring)
– Sacroiliac plate fixation
– Ilial plate fixation
ในการผ่าตัดซ่อมแซมกระดูกในครั้งนี้ หลังจากผ่าตัดน้องโค้กฟื้นตัวดี ได้รับน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ ยาลดปวดลดอักเสบ และแอดมิทอยู่โรงพยาบาลตลอด 24 ชม.เพื่อเฝ้าติดตามอาการ
—————————————————–
ก่อนผ่าตัด – เตรียมพร้อมให้ปลอดภัยก่อนถึงวันผ่า สัตวแพทย์จะ
• ตรวจร่างกายและซักประวัติละเอียด
• ตรวจเลือดและการทำงานของอวัยวะสำคัญ (ตับ ไต เม็ดเลือด)
• ตรวจภาพรังสี/X-ray หรือ CT (บางเคส)
• วางแผนผ่าตัด เลือกวิธี fixation ที่เหมาะกับเคส
• งดอาหารก่อนดมยาสลบ
ระหว่างผ่าตัด – ทำอย่างไร?• ดมยาสลบโดยวิสัญญีและเฝ้าติดตามสัญญาณชีพตลอด
• จัดแนวกระดูกให้ถูกต้อง (bone alignment)
• ยึดกระดูกด้วย plate, screw, pin หรือ wire ให้มั่นคง
• ล้างแผลและเย็บปิดอย่างปลอดเชื้อ
• X-ray เช็กตำแหน่งหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัด – การพักฟื้นสำคัญที่สุดหลังผ่าตัดสัตว์ต้อง
• พักฟื้นและจำกัดการเคลื่อนไหว (crate rest)
• รับยาแก้ปวด+ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งสัตวแพทย์
• ทำแผลตามกำหนด
• มาตรวจติดตามและ X-ray ประเมินการติดของกระดูก
• เริ่มฟื้นฟูร่างกาย (physiotherapy) เมื่อเหมาะสม
สิ่งที่เจ้าของต้องระวังหลังผ่า• ห้ามวิ่ง กระโดด หรือเล่นแรง
• ป้องกันไม่ให้เลียแผล (ใส่ปลอกคอกันเลีย)
• ให้ยาให้ครบ ห้ามหยุดยาเอง
• ถ้ามีบวม แผลแดง มีกลิ่น เจ็บมากขึ้น หรือไม่ยอมลงน้ำหนัก → รีบพามาตรวจทันที
ผ่าตัด: สพ.ญ.ณัฏฏ์ธวรรณ โสภิพันธ์ (หมอพลอย)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- ทำไมหมาแมวต้องถ่ายเลือด? รู้ไว้..
หลายคนอาจคิดว่า “การถ่ายเลือด” ทำเฉพาะในคน แต่จริงๆ แล้ว สัตว์เลี้ยงก็ต้องถ่ายเลือดได้เหมือนกัน และเป็นหนึ่งในการรักษาฉุกเฉินที่ช่วยชีวิตได้ทันที

เมื่อไหร่ถึงต้องถ่ายเลือด?สัญญาณอันตรายที่พบได้บ่อย
• ซีด เหงือกขาว หอบ อ่อนแรง เดินแล้วล้ม
• อุบัติเหตุเสียเลือด
• พิษยาเบื่อหนู เลือดไม่หยุด
• เกล็ดเลือดต่ำ (ITP)
• โลหิตจางจากพยาธิเม็ดเลือด
• โรคภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือด (IMHA)
ก่อนถ่ายเลือดต้องทำอะไร?การถ่ายเลือดต้องทำโดยทีมสัตวแพทย์อย่างปลอดภัย ผ่านขั้นตอนสำคัญ:
ตรวจร่างกายและประเมินว่าจำเป็นต้องถ่ายเลือด
ตรวจ กรุ๊ปเลือด (หมา: DEA / แมว: A, B, AB)
ทำ Crossmatch หรือการเข้ากันระหว่างตัวให้และตัวรับเพื่อป้องกันการแพ้เลือด
เลือกชนิดเลือดที่เหมาะ เช่น Packed RBC, Whole Blood, Plasm
ระหว่างถ่ายเลือดต้องมอนิเตอร์อะไร?ทีมสัตวแพทย์จะติดตามอย่างใกล้ชิด
• อุณหภูมิ หัวใจ ความดัน ชีพจร
• อาการแพ้เลือด เช่น ไข้ ลมพิษ อาเจียน หอบ หรือช็อก
ธนาคารเลือดสำคัญยังไง?• ช่วยเคสฉุกเฉินได้ทันที
• เลือดปลอดภัยผ่านการคัดกรองโรคติดเชื้อ
• ถูกต้องตามมาตรฐานการถ่ายเลือดในสัตวแพทย์
รักษาและถ่ายเลือด: น.สพ.ธีรยุทธ์ ปัญญาตุ้ย (หมอท็อป)
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- แผลเล็ก ๆ ที่เห็นบนตัวสุนัขหรือแมว อาจไม่ใช่แค่แผลธรรมดา — แต่เป็น “เชื้อรา” ที่ติดต่อถึงคนได้!
หลายคนมักคิดว่าเป็นผิวหนังอักเสบเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย แต่จริง ๆ แล้ว Dermatophytosis (เชื้อราในผิวหนัง) เป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะบ้านที่มีหลายตัว หรือรับแมวจรเข้ามาใหม่


———————————————————————————
เคสนี้ที่พบในโรงพยาบาลน้องแมวมาเพราะ คัน มีแผลที่หน้า ขนร่วงเป็นวงกลม เจ้าของคิดว่าเป็นแค่แผลธรรมดาทั่วไปจากการเกา หมอจึงมีการตรวจด้วย Wood’s lamp พบเรืองแสงสีเขียว (ผลบวกมีโอกาสเป็นเชื้อรา) และยืนยันด้วยการตรวจผิวหนัง Tape Impression และ Microscopy พบ สปอร์เชื้อรา (Dermatophytic spores) + ขนเสียรูป (Rotten hair shaft) -> เคสนี้จึงมีการให้สเปรย์ Topical น้ำยาอาบน้ำ และยากินกำจัดเชื้อรา และเฝ้าติดตามอาการต่อเนื่อง
———————————————————————————
การรักษาการรักษาต้อง ทำทั้งระบบ + ภายนอก ควบคู่กัน
ยาทาหรือแชมพูฆ่าเชื้อ
ยากินต้านเชื้อรา (ในเคสเป็นหลายตำแหน่ง หรือเรื้อรัง)
ฆ่าเชื้อสิ่งแวดล้อม กรง เตียง พรม เบาะ โซฟา
ตรวจติดตามทุก 2–4 สัปดาห์จนกว่าจะหาย
ปล่อยไว้ไม่หายเอง และสามารถติดสู่คนได้ โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และคนภูมิคุ้มกันต่ำ
ป้องกันเชื้อรา– แยกสัตว์ป่วยไม่ให้คลุกตัวอื่น
– ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราในบ้านสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
– หลีกเลี่ยงการใช้หวี/ผ้า/กระบะทรายร่วมกัน
– พาสัตว์ตรวจทันทีถ้ามีขนร่วงเป็นวง คัน หรือเป็นสะเก็ด
แผลที่เห็นเล็ก ๆ แต่โรคอาจไม่ได้เล็กนะครับ
ถ้าสงสัยว่าน้องติดเชื้อรา ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องครับ

เรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
- มดลูกอักเสบในสุนัข
ซึม ไม่กินอาหาร = ไม่ได้แค่ “ขัดใจเล็กน้อย” แต่เป็นสัญญาณอันตรายที่ หมาและแมว อาจกำลังป่วยได้หลายโรคมาก ตั้งแต่อักเสบติดเชื้อทั่วไป ไปจนถึงโรคภายในร้ายแรง เช่น ไต ตับ ตับอ่อน หรือติดเชื้อในมดลูก
เพราะฉะนั้นเวลาเข้ารักษา สัตวแพทย์จึงต้องมีการ ตรวจเลือด X-ray อัลตราซาวด์ หรือแล็บอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนรักษา ไม่ใช่แค่ฉีดยาบำรุงแล้วกลับบ้านเท่านั้น
———————————————————————————
ตัวอย่างเคสจากทางโรงพยาบาล – น้อง โยเกิร์ตสุนัขเพศเมีย อายุค่อนข้างมาก ยังไม่เคยทำหมัน มาด้วยอาการซึม ไม่กินอาหาร ตรวจอัลตราซาวด์พบว่า มดลูกมีการอักเสบและมีน้ำภายในต้องรับการรักษาทันที เพราะหากปล่อยไว้ เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) และเสียชีวิตได้ น้องได้รับการผ่าตัดนำมดลูกที่ติดเชื้อออก (Pyometra) พร้อมควบคุมการติดเชื้อและให้สารน้ำ หลังผ่าตัด เริ่มกลับมากินอาหารได้ อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
———————————————————————————
มดลูกอักเสบมีหนอง (Pyometra) อันตรายยังไง?โรคนี้พบบ่อยมากใน สุนัขและแมวเพศเมียที่ยังไม่ทำหมัน โดยเฉพาะอายุ 6 ปีขึ้นไป
อาการที่ควรระวัง:
• ซึม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
• ดื่มน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย
• ท้องโตผิดปกติ
• อาจมีของเหลวเหม็น ๆ ไหลจากช่องคลอด (แต่แบบปิดจะไม่ไหล)
การรักษาที่ได้ผลที่สุด = ผ่าตัดเอามดลูกออก
การรักษาแบบกินยาอย่างเดียว เสี่ยงโรคกลับเป็นซ้ำ และอาจพาไม่ทัน———————————————————————————
แนะนำการทำหมันเพศเมียตั้งแต่วัยเหมาะสม ช่วยป้องกันโรคมดลูกอักเสบ ได้ 100% อย่าปล่อยให้อาการเล็ก ๆ อย่าง “ซึม ไม่กิน” กลายเป็นเรื่องใหญ่
เรียบเรียงและวินิจฉัย: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)
ผ่าตัด: น.สพ.ธนา ศรีสองเมือง (หมอโน๊ต)
- โรคพิษสุนัขบ้าระบาด ป้องกันตัวด้วย คาถา 5 ย.!
1. อย่าแหย่
ให้สุนัขหรือแมวโกรธ2. อย่าเหยียบ
ระวังเหยียบหาง หรือ ขา เมื่อพบสัตว์จร3. อย่าแยก
เมื่อมีการกัดกัน ห้ามนำอวัยวะเราเข้าไปแยกกัน4. อย่าหยิบ
ไม่หยิบชามน้ำ-อาหาร หรือ ของของเขา5. อย่ายุ่ง
กับสัตว์จร หรือสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติวัคซีนการปฐมพยาบาลเมื่อโดนข่วนหรือกัด หรือ โดนน้ำลาย ควร!
1. ล้างแผล
เปิดนำชะแผลขัดสบู่10-15นาที2. ใส่ยา
เช่น เบตาดีน3. กักหมา
ขังไว้10วันเพื่อเช็คชัวร์อาการโรคพิษสุนัขบ้า4. หาหมอ
รับไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีนและรักษาแผลด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่งจากทีมงานโรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย ม.ฉัตรไพลิน
- โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ Rabies เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถติดจาก สัตว์สู่คนได้ โดยเฉพาะจาก สุนัขและแมวที่ติดเชื้อ รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่น ๆ
สาเหตุและการติดต่อเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าอยู่ใน น้ำลายของสัตว์ที่ป่วย และเข้าสู่ร่างกายคนหรือสัตว์อื่นผ่าน
•การกัด
•การข่วนจนเป็นแผล
•หรือการที่น้ำลายของสัตว์ป่วยเข้าตา ปาก หรือแผลเปิด
เชื้อจะเดินทางไปตามเส้นประสาทจนถึงสมอง และเมื่อเริ่มมีอาการแล้ว จะเสียชีวิตทุกราย 100%

การป้องกันที่ดีที่สุด1.พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์จรจัดหรือสัตว์ที่ไม่รู้ประวัติการฉีดวัคซีน
3.หากถูกกัดหรือข่วน รีบล้างแผลทันที และ ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับวัคซีนป้องกัน
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกกัดหรือข่วน1.ล้างแผลทันทีด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 15 นาที
2.เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน หรือแอลกอฮอล์ 70%
3.รีบไปพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อรับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และวัคซีนบาดทะยัก
4.อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด เพราะเมื่อเชื้อเข้าสมองแล้ว จะไม่สามารถรักษาได้
อาการของสัตว์ที่น่าสงสัยว่าเป็นพิษสุนัขบ้า•ก้าวร้าวผิดปกติ หรือซึม ไม่ยอมกินน้ำ
•น้ำลายไหลมาก กลืนลำบาก
•เดินเซ เกร็ง หรือชัก
•ตายภายในไม่กี่วันหลังแสดงอาการ
หากพบสัตว์มีพฤติกรรมผิดปกติ หรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
อย่าเข้าไปจับหรือทำร้ายสัตว์นั้นเองให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือ โทร 063-225-6888 (สายด่วนกรมปศุสัตว์) หรือแจ้งที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ/เทศบาลใกล้บ้านได้เลย

ด้วยความห่วงใยจากโรงพยาบาลสัตว์หมอพลอย
เรียบเรียง: น.สพ.นรภัทร โสภิพันธ์ (หมอพีท)

- จบไปเรียบร้อยแล้วครับ คอร์ส Private upgrade ความรู้ด้านอัลตราซาวน์ ยุค 2025 สู่ 2026 ที่จองคิวกันนานนับปี อาจารย์คิวทองมากๆ ในที่สุดคิวเราก็มาถึง
โดยพื้นฐาน การใช้เครื่องอัลตราซาวด์สามารถช่วยดูอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต มดลูก และ ช่องท้อง เพื่อค้นหาความผิดปกติก่อนจะแสดงอาการรุนแรง ตรวจได้ทั้งสัตว์ป่วยและสัตว์สุขภาพดีครับ ซึ่งก็ควรฝึกฝนและอัพเดททั้งหมอและโปรแกรมสม่ำเสมอ
ปัจจุบันการอัลตราซาวน์ สามารถทำได้ละเอียดลึกซึ้ง ถึงการตรวจดวงตา และ จุดสำคัญต่างๆ ซึ่งก็ขึ้นกับระดับ ความ Hi-tech โปรแกรม ร่วมกับ ระดับฝีมือของหมอแต่ละท่านด้วยครับ
เราขอขอบคุณ อาจารย์หมอน้ำผึ้ง จากม.เกษตร หัวหิน ที่มาให้ความรู้ทั้งในภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี อัพเกรดการวินิจฉัยโรคในสัตว์เลี้ยงมากขึ้นครับ ทางเราจะนำความรู้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่วยที่มาโรงพยาบาลของเราทุกเคสครับ
การวินิจฉัยโดยอัลตราซาวด์เป็นวิธีปลอดภัย ไม่เจ็บตัว ช่วยให้ทีมของเราดูแลน้องๆได้ทันท่วงที
โลกไม่หยุดหมุน เราไม่หยุดเรียนรู้ ทันสมัยเพื่อทุกชีวิตครับ




- อาบน้ำ–ตัดขนหมาแมว ไม่ใช่แค่ให้หอมสวย แต่เพื่อสุขภาพที่ดีด้วย
- หมาแมวสุขภาพดี ต้องเริ่มจากเจ้าของครับ การตรวจสุขภาพประจำปีไม่ใช่แค่เช็กโรค แต่ช่วยให้เรารู้ทันและป้องกันปัญหาก่อนจะสาย
- กล้องส่องภายใน (Endoscope) อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยสัตว์เลี้ยงได้มากกว่าที่คิด
- โรคไรในหูแมว ปรสิตช่องหูแมว ไรในหู อาการคันหู เกาทั้งวัน จนข้างๆหูถลอก มักเกิดในแมวขนหูยาว ติดต่อจากแมวสู่แมวได้ ติดทั้งฝูงได้ด้วยเช่นกัน

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- เนื้องอก…ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของสัตว์เลี้ยง
- ผ่าตัดทำหมัน ผ่าตัดปลอดภัย ใช้ยาดมสลบ วัดสัญญาณชีพตลอด สอดท่อออกซิเจน ตรวจเลือดรู้ผลทันที เพื่อประเมินสุขภาพก่อนการผ่าตัด

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ห้องฉุกเฉินสัตว์ป่วยวิกฤต เครื่องมือช่วยชีวิตครบครัน เพื่อประสิทธิภาพช่วยชีวิต

- ประเมินบาดแผล ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ควบคุมการติดเชื้อต่อเนื่อง รับยาลดปวด ลดอักเสบ ฆ่าเชื้อ ดูแลต่อเนื่องจนแผลหายดี

- ผ่าตัดเนื้องอกเต้านม ดูแลต่อเนื่องจนตัดไหม แผลผ่าตัดติดดีสวยงาม

- เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนคงเคยสงสัยว่า “น้องหมา น้องแมวท้องไหมนะ ?”
- มดลูกอักเสบมีหนอง (Pyometra) ในสัตว์ อันตรายกว่าที่คิด!
- โรคในสัตว์เลี้ยงที่มากับฝน.
- อันตรายจากการให้สุนัขกินกระดูก
- “เห็บหมัดตัวเล็ก…แต่ผลกระทบไม่เล็กเลย!”
- สุนัขและแมวโดนสารพิษ ไม่แนะนำกรอกไข่ดิบนะคะ พาส่งโรงพยาบาลรับยาฉีดให้อาเจียนและล้างพิษ คือทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
- ภัยเงียบจาก “ยุง” ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักมองข้าม!
- หินปูนและโรคปริทันต์ในสุนัขและแมว
- โรคสะบ้าเคลื่อน ตรวจระยะ เช็คเองได้ที่บ้าน
- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- เมื่อสุนัขอายุมากขึ้น มดลูกมักจะอ่อนแอ โน้มนำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ทานอาหาร อ่อนแรง มีไข้สูง และมีของเหลวออกมาจากอวัยวะเพศ

- ห้องฉุกเฉินสัตว์ป่วยวิกฤต เครื่องมือช่วยชีวิตครบครัน เพื่อประสิทธิภาพช่วยชีวิต

- รักษาอาการฉี่ไม่ออก ภาวะไตวายเฉียบพลัน ดูแลโดย ทีมสัตวแพทย์ชั้น 1 อย่างใกล้ชิด

- โรคไรในหูแมว ปรสิตช่องหูแมว ไรในหู อาการคันหู เกาทั้งวัน จนข้างๆหูถลอก มักเกิดในแมวขนหูยาว ติดต่อจากแมวสู่แมวได้ ติดทั้งฝูงได้ด้วยเช่นกัน

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ตรวจดูความลึกตื้น เพื่อวางแผนนำออก ให้ยาลดปวด ลดอักเสบ ฆ่าเชื้อป้องกัน

- น้องได้รับการประเมินความเสี่ยง ตรวจ+ปรับสภาพ ก่อนการผ่าตัด ผ่าตัดปลอดภัย ดมยาสลบ และเครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพครบครัน

- ผ่าตัดกระดูก กระดูกหัก กระดูกหลุด เราซ่อมได้ ภาพแสดง ก่อนการผ่าตัด และ หลังจากผ่าตัดเรียบร้อย

- เครื่องเอกซเรย์ที่ทันสมัย-ระบบดิจิตอล เอกซเรย์รวดเร็ว ส่งข้อมูลผ่านไลน์ทันที

- ติดต่อ ไลน์ไอดี : @ploypet เท่านั้นนะคะ

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ตั้งแต่ 1 กันยายนนี้ เป็นต้นไป โรงพยาบาลจะเปิดทำการ 8:00-22:00น.

- ผ่าตัดปลอดภัย ใช้ยาดมสลบ เครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพทุกชนิด

- ฝากเลี้ยงสุนัข ฝากเลี้ยงแมว ฝากหนูๆไว้กับพวกเราได้ครับ

- เครื่องเอกซเรย์ที่ทันสมัย-ระบบดิจิตอล เอกซเรย์รวดเร็ว ส่งข้อมูลผ่านไลน์ทันที

- ผ่าตัดปลอดภัย ใช้ยาดมสลบ เครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพทุกชนิด

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ประเมินบาดแผล ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ควบคุมการติดเชื้อต่อเนื่อง รับยาลดปวด ลดอักเสบ ฆ่าเชื้อ ดูแลต่อเนื่องจนแผลหายดี

- ผ่าตัดเนื้องอกบริเวณเหงือก ดูแลต่อเนื่องจนตัดไหม แผลผ่าตัดติดดีสวยงาม

- ยากำจัดเห็บหมัดสุนัข แมว กระต่ายและอื่นๆ ปลอดภัยต่อทุกช่วงอายุ ลูกสัตว์ – อายุมาก ดูแลตลอดโดยสัตวแพทย์

- ตรวจเลือดรู้ผลภายใน 5 นาที ค่าเม็ดเลือดทุกชนิด ATKทุกเชื้อไวรัส/พยาธิเม็ดเลือด

- ห้องฉุกเฉินสัตว์ป่วยวิกฤต เครื่องมือช่วยชีวิตครบครัน เพื่อประสิทธิภาพช่วยชีวิต

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ตรวจพบแผลที่ตาไว รีบรักษาทัน เพราะสัตว์บอกเราไม่ได้…

- ผ่าตัดทำหมันแมวเพศเมีย/แมวเพศผู้ ทำหมันสุนัขเพศเมีย/สุนัขเพศผู้

- หอบไม่ไหวแล้ว ขยายหลอดลมด่วน สุนัขพันธุ์หน้าสั้นและพันธุ์เล็กเสี่ยงโรคหลอดลมตีบมากที่สุด

- โรคผิวหนังในสุนัข พบได้บ่อย และเกิดจากสาเหตุหลายประการ ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด โดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

- วัคซีนรวมสุนัข วัคซีนรวมแมว วัคซีนพิษสุนัขบ้า ตรวจสุขภาพ โทรตามนัดให้ทุกครั้ง ดูแลใส่ใจจนจบครบคอร์ส

- ตรวจวินิจฉัย ตรวจร่างกายอย่างละเอียด เครื่องมือวินิจฉัย ทันสมัย ได้มาตรฐาน

- ตรวจเลือดรู้ผลทันที เพื่อการเลือกใช้ยาที่ปลอดภัย รับยาถูกต้อง ปลอดภัย ดูแลอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด

- เครื่องเอกซเรย์ที่ทันสมัย-ระบบดิจิตอล เอกซเรย์รวดเร็ว ส่งข้อมูลผ่านไลน์ทันที

- ควบคุมการติดเชื้อต่อเนื่อง รับยาลดปวด ลดอักเสบ ฆ่าเชื้อ ดูแลต่อเนื่องจนแผลหายดี































































































































